Categories
good health

อาการจิตตกปัญหาใหญ่กว่าที่คุณคิด หนึ่งในสภาวะโรคซึมเศร้าที่อยู่ใกล้ตัวคนไทยมาก 

แทบไม่น่าเชื่อว่าปัญหาอาการจิตตกของคนไทยทุกวันนี้เพิ่มสูงขึ้นมากเรื่อย ๆ เพราะว่าปัญหาเกี่ยวกับเรื่อง covid – 19 น่าจะส่งผลโดยตรงกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน และการดำรงชีวิต แล้วถ้าหากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน ยิ่งทำให้อาการของคุณนั้นย่ำแย่ลงอย่างแน่นอน แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลใจเสมอไปจะมาแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหา และป้องกันพร้อมทั้งบรรเทาอาการจิตตกก่อนที่คุณจะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างแท้จริง 

1. วิธีการป้องกัน สภาวะ Languishing

สำหรับผู้มีปัญหาทางด้านสุขภาพ และอาการเหล่านี้หมายถึงอาการที่มองโลกในแง่ลบ ส่วนใหญ่ประมาณ 80% มักจะเป็นกับผู้ที่กำลังเผชิญปัญหากับชีวิตอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านการใช้ชีวิตในปัจจุบันหรือจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ผู้ที่มีปัญหาในลักษณะนี้จะมองโลกกว้างในแง่ลบทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตของตัวเอง วิธีการแก้ไขที่ง่ายที่สุด นั่นก็คือหางานอดิเรกเพื่อมาเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นงานประดิษฐ์ การเลี้ยงสัตว์หรือตกแต่งต้นไม้ สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยทำให้คุณสุขภาพดีขึ้นได้

2. วิธีการป้องกันสภาวะ hurt yourself เนื่องจากความเครียด 

หลายท่านอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับสภาวะฮอร์โมนในร่างกาย และอารมณ์ คือทุกคนสามารถเกิดความเครียดจนถึงขั้นอยากจะทำร้ายตัวเองได้ ส่วนใหญ่ประมาณ 80% ของผู้ที่มีปัญหาในลักษณะนี้นั้นจะเป็นกลุ่มคนที่มีสุขภาพจิตที่แลดูปกติมาก ซึ่งเหล่านั้นจะไม่สามารถสังเกตได้โดยง่าย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเก็บกดแบบลึก เนื่องจากความเครียดถูกกดดันบีบบังคับ วิธีการแก้ไขนั่นก็คือ การพบจิตแพทย์โดยตรง หลังจากนั้นควรจะหาคนพูดคุยเป็นประจำ วิธีนี้จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะว่าการระบาย และการสื่อสารจะเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ได้ผลดี 100% 

3. วิธีการป้องกันสภาวะ high stress

high stress อาการนี้ทางการแพทย์เรียกว่าความเครียดสะสม ซึ่งเป็นอาการที่คนไทยส่วนใหญ่ตอนนี้พบเจอกันเยอะมาก และทำให้ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นทางด้านนาฬิกาชีวิต หรือจะเป็นการใช้ชีวิตโดยรวมวิธีการแก้ไขปัญหานี้ นั่นก็คือ คุณควรพยายามตั้งสมาธิ และปฏิเสธเรื่องราวทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นภายนอกไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี

เรื่องที่เลวร้ายก็ตาม ด้วยวิธีนี้จะสามารถทำให้วงจรความเครียดของคุณนั้นลดลงได้ ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องพึ่งยาหรือปรึกษาแพทย์แต่อย่างใด และจะเป็นวิธีการป้องกันปัญหาโรคซึมเศร้าในอนาคตที่ได้ผลดีอีกด้วย

สรุป 

ความเครียดอาการจิตตกปัญหาสุขภาพ และความเป็นความตายทางด้านธุรกิจปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำ ให้หลายคนเป็นเพียงแค่โรคจิตตกได้ แต่ถ้าหากคุณรู้จักวิธีการรับมือ คุณก็สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน หวังว่าจะสามารถช่วยเหลือทุกคนได้ใน ณ ตอนนี้ ขอให้ทุกคนโชคดี และผ่านพ้นเรื่องเหล่านี้ไปด้วยกัน 

ขอขอบคุณภาพประกอบโดย 

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com 

Categories
good health

ทำร้ายตัวเองทางอ้อม 3 พฤติกรรม ไม่ควรทำในช่วงกักตัวอยู่กับบ้าน 14 วัน 

อันที่จริงเราต่างก็รู้ดีแก่ใจว่าช่วงนี้ประเทศไทยนั้นย่ำแย่เป็นอย่างมาก จากวิกฤตปัญหาเรื่องเชื้อไวรัสระบาด covid-19 หลายคนก็ต้องทำงาน work from home อยู่กับบ้าน หรือบางคนแย่หน่อยก็ตกงานเลยก็มี แต่เชื่อไม่ว่าหลายคนอาจจะพบเจอแย่ที่สุดก็คือกักตัวอยู่บ้าน 14 วัน การดูแลสุขภาพของหลาย ๆ คนนั้น ผิดเพี้ยนไปจากปัจจุบันอย่างมากมาย อยากนำคำแนะนำของคุณหมอมาเตือน เพื่อจะได้ป้องกันโรคแทรกซ้อนในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น

1. ตามใจปากโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด และความอ้วน ถามหาจ้า 

สำหรับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแต่อย่างใด เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับนิสัยคนไทยที่ได้พักผ่อนอยู่กับบ้านอย่างแท้จริง ถ้าใครไปทำงานเป็นประจำก็จะรู้ดีว่า สามารถออกกำลังกายได้ในช่วงเวลา ต่าง ๆ ในการทำงาน 

คุณอยู่บ้านสำหรับใครหลาย ๆ คนแล้วจะได้ช่วงเวลาที่ตามใจปาก ซึ่ง 10 – 15 วันนี้ไม่มีอาการป่วยคุณก็จะเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดหรือน้ำหนักขึ้นอย่างแน่นอน จึงอยากแนะนำให้พยายามออกกำลังกายเบา ๆ อยู่ที่บ้าน และงดอาหารที่มีไขมันสูง จะสามารถช่วยทำให้คุณลดความเสี่ยงเรื่องหลอดเลือดหัวใจหรือไขมัน รวมไปถึงความอ้วนได้มากพอสมควรเลยทีเดียว 

2. นอนน้อยกว่าปกติ เปลี่ยนแปลงนาฬิกาชีวิต แค่คิดก็พังแล้ว 

ในช่วงมีเวลาการพักผ่อนเยอะ หลายคนก็คงจะคิดว่าอยู่ที่บ้านหรือที่อาศัยก็คงไม่จำเป็นจะต้องห่วงอะไรกับการเดินทาง หรือการกินอยู่ จนละเลยเวลาการพักผ่อนปกติทั่วไป และทำให้นาฬิกาชีวิตคุณแปรปรวน สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้คุณนั้นบั่นทอนสุขภาพตัวเองทางอ้อมได้ คุณควรจะนอนพักผ่อนให้ตรงต่อเวลา เพื่อจะดูแลสุขภาพแล้วฟื้นร่างกายให้แข็งแรง จะทำให้คุณมีภูมิต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้โดยเฉพาะ วิกฤตเรื่องเชื้อไวรัสที่แวดล้อมเราอยู่ตลอดเวลา 

3. งดอาหารเช้าหนักอาหารดึกชีวิตพังแน่ 

ความจริงที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ คือ การรับประทานอาหารตามใจตัวเอง สิ่งนี้สามารถทำให้คุณเจ็บป่วยได้ในอนาคต 

โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะทำให้ร่างกายนั้นอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก แล้วยังส่งผลต่อภูมิคุ้มกันในร่างกายอีกด้วย อยากจะแนะนำให้คุณรับประทานอาหารให้ตรงต่อเวลาในช่วงนี้ โดยเฉพาะอาหารเย็นควรจะรับประทานให้น้อยลง แล้วควรจะรับประทานก่อน 18 : 00 น. จะทำให้คุณย่อยอาหารได้เต็มประสิทธิภาพ และช่วยในการดูดซึมสารอาหารได้อีกด้วย 

สรุป 

ช่วงเวลา 14 วันนี้หลายคนก็คงจะคิดว่ามันน่าเบื่อพิลึก ถ้าหากเราจะต้องทำตามกฎระเบียบทุกอย่างตลอดเวลาเหล่านี้ แต่เชื่อเถอะว่าสามารถช่วยดูแลสุขภาพของคุณได้จริง แถมถ้าคุณไม่ได้มีปัญหาสุขภาพอะไรก็จะทำให้สุขภาพคุณแข็งแรงยิ่งกว่าเดิม อารมณ์เหมือนกันปรับปรุงการทำงานของร่างกายครั้งใหญ่ บอกเลยว่ามีประโยชน์กับสุขภาพ และชีวิตคุณในอนาคตต่อไปอย่างแน่นอน เอาล่ะขอให้ทุกคนโชคดี 

ขอขอบคุณภาพจากhttps://pixabay.com/

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

7 วิธีดูแลสุขภาพ “หนีโควิด” เมื่อกลับถึงบ้าน

ช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างง่ายดายแต่เราทุกคนก็ต้องออกไปทำงานและดำเนินชีวิตต่อไปไม่มีวันหยุด เราจึงจำเป็นที่จะต้องรู้จักวิธีการป้องกันโควิด-19ที่สามารถทำได้ง่ายๆ หรือแม้แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราควรทำเพื่อป้องกันหลีกหนีจากเชื้อโควิด-19 ตัวนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นการหลีกเลี่ยงได้ 100% ก็ตาม แต่ก็ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ในสถานการณ์แบบนี้

1.ถอดหน้ากากอนามัย และคัดแยกออกจากถังขยะที่คนในบ้านใช้เป็นประจำ มัดแยกออกมาทิ้งไว้อย่างมิดชิด และควรทำความสะอาดมือด้วยสบู่ น้ำสะอาดหรือเจลแอลกอฮอล์ทันทีหลังจากจับหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว

2.ควรเช็ดทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวหลังจากกลับมาถึงบ้านโดยทันที โดยเฉพาะกุญแจรถ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต นาฬิกาข้อมือ กระเป๋าสตางค์ เป็นต้น ซึ่งเป็นของที่เราทุกคนใช้และจับอยู่เป็นประจำในชีวิตประจำวัน

3.ควรล้างมืออย่างน้อย 20 วินาทีขึ้นไปก่อนสัมผัสสิ่งของหรือราวบันได กลอนประตูในบ้าน และก่อนไปนอนบนเตียงนอน หรือใกล้ชิดผู้สูงอายุ เด็กเล็กในบ้าน ควรอาบน้ำ สระผม ทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดก่อน ทางที่ดีควรทำทันทีและทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันหลังจากถึงบ้าน

4.ควรแยกเสื้อผ้าที่ใส่ไปทำงานหรือไปข้างนอกบ้าน แยกลงตระกร้าคนละตระกร้ากับเสื้อผ้าที่ใส่ในบ้าน เพื่อเป็นการจะได้แยกการทำความสะอาด และไม่ให้เป็นการสะสมเชื้อ

5.เวลารับประทานอาหารควรมีช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกันในครอบครัว ไม่ควรใช้ช้อนทานอาหารส่วนตัวไปตักอาหารส่วนร่วม เพื่อเป็นการป้องกันโรค

6.เมื่อกลับมาถึงบ้านควรเก็บรองเท้าไว้ข้างนอกบ้าน หรือนอกห้องแอร์ ทางที่ดีไม่ควรนำมาไว้ในบ้านยิ่งเป็นช่วงสถานการณ์โคโรน่าไวรัส ควรรักษาความสะอาดให้ดีเป็นสองเท่า

7.ถึงแม้จะเป็นข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านก็ควรดูแลรักษาความสะอาด ควรทำความสะอาดของใช้ส่วนรวมเป็นประจำ โดยเฉพาะที่จุดอับ หรือจุดที่ต้องใช้มือจับบ่อยๆอย่างกลอนประตู บานหน้าต่าง ราวบันได ประตูรั้ว ประตูห้องต่างๆ ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อความปลอดภัยและเพื่อความสะอาดอีกด้วย

7 วิธีการดูแลสุขภาพ “หนีโควิด” เมื่อกลับถึงบ้าน ที่เราได้แนะนำกันไปนี้เรียกได้ว่าไม่ยากที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อความปลอดภัยของคุณและคนในครอบครัวที่คุณรักเลยใช่ไหมล่ะ! ถ้าเราทุกคนหันมาใส่ใจ ดูแลความสะอาด ต่อสู้กับเจ้าไวรัสนี้ เชื่อว่าเราจะสามารถต่อสู้และดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

โรคที่พบบ่อยในช่วง โควิด19 ที่ต้องคอยระวัง

จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ทำให้มีการเฝ้าระวังในหลายๆอย่างที่เกิดจากตัวเราและคนอื่น โดยการ ส้วมหน้ากากอนามัย ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในช่วงนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด กระจายเชื้อจากผู้อื่นมาสู่เรา หรือ จากเราไปสู่ผู้อื่น เป็นวิธีการป้องกันเบื้องต้นจากการระบาดของเชื้อไวรัสนี้

Cr.pic: www.scgfoundation.org

1.โรคตาที่พบบ่อยที่สุดในช่วง โควิด19

 ตากุ้งยิง

ที่มักจะเกิดที่เปลือกตาล่างอาจเกิดจากการใส่หน้ากากอนามัยที่ไม่สะอาดและการสัมผัสตาด้วยมือที่ไม่สะอาดบริเวณต่อมไขมันเปลือกตาล่างนำมาสู่การติดเชื้อในที่สุด ป้องกันได้โดยใส่หน้ากากให้กระชับกับใบหน้าดูแลเปลือกตาสม่ำเสมอ ทำให้มีอาการเจ็บปวดตรงที่เป็นตุ่มหรือหนอง

Cr.pic: http://www.supremeilasik.com/th/stye/

2.โรคผิวหนังที่พบบ่อยบนใบหน้าหลายชนิด

 เช่นสิว, ผิวหนังอักเสบ , โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง, ที่ล้วนมีวิธีการดูแลรักษาจากสาเหตุและการป้องกันที่แตกต่างกันสาเหตุอาจเกิดจากการใส่แมส ถึงแม้จะช่วยเราป้องกันเชื้อโรค และฝุ่นละอองต่างๆได้ แต่การใส่แมส ก็อาจส่งผลเสียต่อผิวหน้าได้ จะพบปัญหาผิวหน้าที่เกิดจากการใส่แมส

คือ “แพ้แมส” หรือ แพ้หน้ากากอนามัยซึ่งเป็นการเสียดสีของแมสกับผิวหนัง ในเวลาที่เราใส่หน้ากากอนามัย จนทำให้เกิดปัญหาผิวระคายเคือง ผิวบอบบางลง จนทำให้เกิดสิวและผดผื่น ยิ่งหากมีผิวบอบบางแพ้ง่ายอยู่แล้วก็จะเกิดการระคายเคืองได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมักพบบ่อยในวัยเด็ก ซึ่งมีอาการผื่นคันและแดงตามผิวหนัง และมักจะขึ้นบริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา และลำคอด้านหน้า เมื่อเกามาก ๆ อาจมีหนองไหลหรือเกิดเป็นสะเก็ดหนองตามมา

วิธีการรักษา การทาเบบี้มายด์ ในบริเวณที่เกิดอาการคันหรือมีผื่นแดงตามผิวหนัง

Cr.pic: https://www.vejthani.com/

3. โรคอ้วน

 เพราะคนอ้วนส่วนใหญ่ไม่ได้มีแค่โรคเดียว แต่มักจะมีโรคร่วมอื่นๆด้วย ทั้งโรคเบาหวาน  ความดันโลหิตสูง  ไขมันในเลือดสูง  ซึ่งอาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่มากเกินไป ในระหว่างการ Work from จนทำให้รับประทานเกินความต้องการของร่างกาย รับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง เนื้อสัตว์ ไขมัน แป้ง ของหวาน

home โดยมีสูตร BMI = น้ำหนัก(กิโลกรัม) / ความสูง(เมตรยกกำลัง 2) ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นน้ำหนัก หากคุณคำนวณแล้วพบว่า เกิน 25 กก./ตรม. ถือว่าคุณอ้วน

Cr.pic: https://www.pobpad.com

4.โรคทางประสาท

 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หลายคนมีสภาวะเครียด รวมทำให้เกิด อาการอื่นๆตามมา เช่น มึนศีรษะ ปวดศีรษะ การรับรสหรือรับกลิ่นลดลง อาการปวดเส้นประสาทหรือกล้ามเนื้อได้เลยทีเดียว

Cr.pic:

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

4 วิธีป้องกันโควิด-19 ช่วงฤดูฝน

    

     โควิด-19  เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อได้ทางทางเดินหายใจ อาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือหากมีอาการรุนแรงกว่านั้น อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย เชื้อไวรัสกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว และแพร่กระจายไปทั่วโลก  เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีนเป็นหนทางเดียวที่จะป้องกันอาการจากการติดโควิด-19 ไม่ให้รุนแรง และต้องดูแลลูกหลานที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปีให้ปลอดภัยจากโควิด-19 เพราะยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี

โควิด-19สามารถติดต่อได้ทางไหนบ้าง

                               Cr.pic: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/info.php#

1.โควิด-19 สามารถตติดต่อได้ผ่านทางเดินหายใจโดยนำเชื้อไวรัสเข้าไปจากผู้ที่มีเชื้อโควิด-19 ผ่านการไอ จาม สารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย ซึ่งสามารถแพร่กระจายในอากาศได้ไกลถึง2เมตรและเชื้อไวรัสยังคงอยู่ในอากาศได้นาน 5 นาที ควรเว้นระยะห่าง 2 เมตร และสวมหน้ากากผ้าทับหน้ากากอนามัยอีก1ชั้นค่ะ

                               Cr.pic: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/info.php#

2.โควิด-19 สามารติดต่อได้ผ่านการสัมผัสสิ่งของ อุปกรณ์ เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ คุณอาจไม่รู้ว่าเจ้าเชื้อโควิด-19นี้ มันสามารถมีชีวิตอยู่ในลูกบิดประตู โต๊ะ กระดาษทิชชู่ เสื้อผ้าที่ โทรศัพท์ เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังแพร่ลงน้ำได้ ส่วนธนบัตรเชื้อคงอยู่นาน 5 วัน เพราะฉะนั้นเราไม่ควรใช้เงินสด ควรใช้การโอนเงินผ่านพร้อมเพย์จะดีที่สุดค่ะ แต่ถ้าอากาศมีอุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศา อย่างตู้เย็นอาจอยู่ได้นานถึง 1 เดือนเชียวค่ะ จึงไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่แออัดและเป็นระบบปิด เป็นห้องแอร์ที่มีอากาศไม่ถ่ายเทค่ะ ซึ่งหลังสัมผัสสิ่งของที่เป็นของสาธารณะ ก่อนรับประทาน หลังรับประทานอาหาร  ควรล้างมือให้ถูกวิธี 7 ขั้นตอนด้วยน้ำสะอาดและสบู่ หรือด้วยเจลแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อ และไม่ควรใช้มือสัมผัสใบหน้า ไม่ควรขยี้ตา/แคะจมูก ไม่ควรใช้รถสาธารณะ

                               Cr.pic: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/info.php#

3.สังเกตอาการ จากการสำรวจผู้ป่วยที่ติดควิด-19 ภายใน 14 วัน พบว่ามีอาการ ดังนี้ มีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส มีน้ำมูก ไอจามแห้งๆ อ่อนเพลีย เสมหะ หายใจไม่ออก เจ็บคอเพราะเชื้ออาจลงคอไปแล้ว ปวดศรีษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวสั่น อาเจียน หากมีอาการเหล่านี้ให้รีบแจ้ง 1669เพื่อรับตัวส่งรพ. กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเผ้าระวัง คือ ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี

                               Cr.pic: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/info.php#

4.ฤดุฝน อาจทำให้เกิดโรคที่มีอาการใกล้เคียงกับโควิด-19 อาจทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ ป้องกันได้ด้วยการฉีดววัคซีนฟรี ปีละ 1 ครั้ง และไข้เลือดออก ป้องกันด้วยการเก็บบ้าน เก็บขยะ กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในน้ำขังที่อยู่ภายในบ้าน จึงต้องหมั่นสังเกตอาการ และไม่ตื่นตระหนก

Categories
good health

4 วิธีแก้ไขสุขภาพจิต เคล็ดลับแบบง่ายเริ่มต้นได้ที่บ้าน 

ในช่วงนี้ทุก ๆ คนน่าจะสูญเสียพลังทางด้านความรู้สึกในแง่บวกกันอย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่นั้นมีแต่คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเชื้อไวรัส covid 19 แต่คุณเชื่อไหมว่ายังมีอีกโลกหนึ่งที่คนไทยกำลังพบเจอกันเป็นจำนวนมาก คือ สุขภาพจิต และความเครียด ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้สะสมอยู่ในความรู้สึกของทุกคนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ที่บ้าน และไม่สามารถออกไปไหนได้ เราจึงอยากจะแนะนำให้คุณรู้จักกับวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวคุณเองแบบง่าย ๆ เริ่มต้นได้ที่บ้าน

1. การคลายความเครียดด้วยการออกกำลังกาย 

วิธีนี้ได้ผลดีมากสำหรับคนที่รู้สึกว่าตัวเองนั้นหดหู่เศร้าหมอง และไม่ค่อยอยากจะทำอะไรในปัจจุบัน อยากแนะนำให้คุณนั้นพยายามออกกำลังกายด้วยการเต้นแอโรบิค ภายในบ้านหรือหาอุปกรณ์แบบง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าขนหนู ขวดน้ำหรือว่าจะเป็นหนังสือเล่มใหญ่ ๆ ก็สามารถนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ลดความเครียดได้ และยังทำให้คุณนั้นมีสุขภาพดีได้ง่าย ๆ โดยที่คุณไม่จำเป็นจะต้องออกไปออกกำลังกายภายนอก 

2. เปลี่ยนแปลงบรรยากาศของห้องและบ้านของคุณให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น 

สำหรับช่วงเวลาที่คุณรู้สึกเครียดหรือเบื่อที่คุณจะต้องใช้ชีวิตอยู่บ้าน ขอแนะนำให้คุณจัดแจงพื้นที่บ้านใหม่ ไม่ว่าจะเป็นมุมห้องที่ตกแต่งแล้วดูดีมีสไตล์ หรือจะเป็นการเคลื่อนที่ของเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านที่ทำให้คุณรู้สึกได้ว่าบ้านของคุณนั้นมีการเปลี่ยนแปลง และองค์ประกอบให้เหมือนเดิมจะทำให้คุณผ่อนคลายได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ชาวต่างชาตินิยมใช้เป็นอย่างมาก เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพบรรยากาศรอบตัวสามารถช่วยลดอาการซึมเศร้า และวิธีนี้ก็สามารถช่วยทำให้คุณนั้นผ่อนคลายได้เช่นเดียวกัน 

3. พยายามเปิดเมนูอาหารทำเอง 

การทำอาหารก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดีสำหรับการผ่อนคลายสุขภาพจิตใจของตัวเอง โดยเฉพาะผู้ที่มีความเครียดสะสมเมื่อเวลาเราอยู่บ้านเป็นเวลานาน ๆ แล้วไม่ได้ออกไปไหนเลย คุณก็สามารถใช้วิธีนี้ได้จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น และเปลี่ยนอาหารจานเด่นของคุณให้กลายเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ จะมีประโยชน์มากกับคนขี้เบื่อ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเพิ่มสีสันในชีวิตประจำวันคุณได้รับรองได้งานนี้คุณคงจะไม่บ่นกับเรื่องอาหารที่ซ้ำซากจำเจอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นขอแนะนำให้คุณหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเพิ่มเติมนะเมนูเพียบเลย 

4. หาทางพูดคุย และทางระบายความรู้สึก 

นี่อาจจะเป็นวิธีการสุดท้ายที่อยากจะแนะนำ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ สำหรับคนที่มีสุขภาพจิตย่ำแย่ และต้องการระบายความเครียดออกมา การที่เราได้เล่าให้ใครสักคนหนึ่งฟังในสิ่งที่เรารู้สึกไม่ดีอยู่ในปัจจุบัน เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ก็ได้ผลดีมากที่สุดที่สามารถช่วยลดความเครียดได้อย่างทันท่วงที ขอแนะนำให้คุณพูดคุยกับเพื่อนสนิทหรือถ้าหากไม่มีก็สามารถติดต่อทางด้านทีมแพทย์โดยตรงได้ที่กรมสุขภาพจิตก็จะสามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้มากเช่นเดียวกัน 

สรุป 

การดูแลสุขภาพจิตของตัวเองหรือคนที่คุณรักอยู่ในครอบครัวในช่วงเวลาที่โรคระบาด covid-19 กำลังคุกคามเข้ามาในชีวิตของคนไทย อยากแนะนำให้คุณนั้นดูแล และใส่ใจสุขภาพ แน่นอนไม่ว่าจะเป็นสุขภาพร่างกายแต่คุณก็ไม่ควรละเลยการดูแลสุขภาพจิตเช่นเดียวกัน หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง กับโรคระบาดครั้งนี้ขอให้ทุกคนโชคดี 

ขอขอบคุณภาพประกอบโดย https://pixabay.com/

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

4 วิธีการหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพ จากการใช้ห้องน้ำรวม

             ห้องน้ำรวมหรือห้องน้ำสาธารณะ คือสถานที่ที่มีคนใช้ขับถ่ายของเสียทั้งหนัก-เบาร่วมกัน และในห้องน้ำสาธารณะที่ขาดการดูแลอย่างเหมาะสม อาจจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ทำให้หลาย ๆ คนมีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องของการติดเชื้อ โดยเฉพาะเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งอวัยวะเพศกับท่อปัสสาวะเป็นส่วนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ จากห้องน้ำสาธารณะมากที่สุด ห้องน้ำสาธารณะแหล่งรวมเชื้อโรค

             สำหรับห้องน้ำสาธารณะแล้วไม่เพียงแค่ชักโครกเท่านั้นที่เป็นแหล่งรวมของเชื้อโรค ทั้งลูกบิดประตู และก๊อกน้ำ ก็เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคด้วยเช่นกัน

เข้าห้องน้ำสาธารณะเสี่ยงต่อโรคจริงหรือ

             โรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก็เป็นโรคหนึ่งที่หลาย ๆ คนมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้ห้องน้ำสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับห้องน้ำที่ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม แม้ว่าโดยความเป็นจริงแล้ว โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่จะเกิดจากการใช้ห้องน้ำร่วมกันนั้นเป็นไปได้น้อยมาก อย่างหนองในแท้,หนองในเทียม,เริม, เอชพีวี, ซิฟิลิส, ไวรัสตับอักเสบบี และการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ไม่สามารถที่จะติดต่อกันได้โดยการใช้ห้องน้ำร่วมกัน จึงทำให้หลาย ๆ คนอาจสบายใจขึ้นได้ในระดับหนึ่ง

โรคพยาธิในช่องคลอด

             แต่สำหรับพยาธิในช่องคลอดนั้นได้รับการยกเว้น  เพราะถ้าติดต่อผ่านการสัมผัสฝารองนั่งที่เปียกน้ำ และสกปรก ซึ่งอาจพบในเพศชายได้ด้วย โรคพยาธิในช่องคลอดนั้น ทำให้เกิดอาการคัน และอักเสบระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งจะทำให้เจ็บปวดในขณะปัสสาวะ มีอาการตกขาวมีกลิ่นเหม็นคาว และมีสีที่เปลี่ยนไป ในเพศชายนั้นอาจจะมีหนอง หรือของเหลวไหลออกจากท่อปัสสาวะ และถ้ามีอาการเหล่านั้นควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อทำการรักษา ซึ่งโรคนี้พบได้บ่อย และรักษาให้หายขาดได้

สิ่งที่ควรทำ เมื่อเข้าห้องน้ำสาธารณะ

             สำหรับหลาย ๆ คนเมื่อเข้าห้องน้ำสาธารณะ ต้องทำการเช็ดทำความสะอาดฝารองนั่งก่อนเสมอ ถึงแม้จะมีพนักงานทำความสะอาดอยู่เป็นประจำก็ตาม และสิ่งที่ต้องระวังมากกว่า คือ สิ่งสกปรกที่อยู่ใต้ฝารองนั่ง ที่ทำความสะอาดไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะผู้ชายแล้วอาจจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคได้ จากการใช้มือยกฝารองนั่งขึ้นเพื่อปัสสาวะ

การป้องกันการติดเชื้อจากห้องน้ำสาธารณะ

            คนส่วนใหญ่ที่ใส่ใจต่อสุขภาพอนามัยของตน ต้องรู้จักล้างมือทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อที่จะชำระสิ่งสกปรก หรือเชื้อโรคก่อนสัมผัสกับร่างกายในส่วนต่าง ๆ เช่น การขยี้ตา, การจับปากจับจมูก และในการล้างมือให้สะอาดนั้นก็เป็นการช่วยป้องกันเชื้อโรคได้ในระดับหนึ่ง หรืออาจต้องใช้วิธีเหล่านี้เพื่อให้ปลอดภัยจากโรค

1.  ควรเข้าห้องน้ำที่โถชักโครกดูสะอาดที่สุด ๆ

2.  ก่อนการทำธุระควรปิดฝา และกดชักโครก 1 ครั้งก่อนเพื่อทำความสะอาด

            3. ให้หลีกเลี่ยงห้องที่ฝารองนั่งยังเปียกน้ำอยู่ หรือห้องที่สกปรกมีสิ่งปฏิกูลของคนอื่นค้างอยู่

            4. ให้ทำความสะอาดในบริเวณที่จะนั่ง โดยใช้แอลกอฮอล์แบบพกพา ฉีดแล้วเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย และเช็ดให้แห้งสนิท หรือจะใช้กระดาษชำระรองนั่ง โดยฝาชักโครกจะต้องแห้งสนิท

            ในการเข้าห้องน้ำสาธารณะไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม โรงพยาบาล,ห้างสรรพสินค้า, หรือตามปั๊มน้ำมันก็ตาม สิ่งหนึ่งเลยที่ไม่ควรจะลืม นั่นก็คือกระดาษทิชชูที่จะนำมาใช้ทำความสะอาด และยังช่วยในการป้องกันเชื้อโรคได้ระดับหนึ่งอีกด้วย หากจะให้ดีที่สุดควรที่จะเตรียมกระดาษสำหรับรองนั่งด้วย เพื่อใช้ป้องกันโรคต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

ขอบคุณภาพโดย https://pixabay.com/

Categories
good food

7 อาหารช่วยต้านโรคหวัด

โรคหวัด ไม่ใช่เฉพาะในหน้าฝนเท่านั้น ที่เราจะสามารถติดเชื้อหวัดได้ ในยุคสมัยปัจจุบันนี้ พวกเราสามารถติดเชื้อโรคหวัดได้อยู่เสมอ จากสภาพแวดล้อม ที่มีแต่มลพิษแทบทุกแห่งบนโลก แถมในตอนนี้ยังมีโรคระบาดโควิด-19 อีกต่างหาก แหล่งเสื่อมโทรม ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เป็นแหล่งกระจายเชื้อโรคได้อย่างดี

ในบทนี้จึงขอนำ 7 อาหารที่ช่วยต้านโรคหวัดมาฝากทุกคนกัน เพื่อจะได้ทราบว่าในแต่ละวันเราควรจะทานอาหารอะไรบ้าง เพื่อช่วยป้องกันเชื้อโรคหวัด อย่างน้อยก็จะทำให้เรามีภูมิต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้มากขึ้น ใครอยากจะทราบกันแล้ว เรามาติดตามกันเลย ว่ามีอาหารอะไรบ้างนะ

7 อาหารช่วยต้านโรคหวัด
  1. ผลไม้ตระกูลส้ม

ลูกกลมๆสีส้มๆสวยสดใส มีหลายพันธุ์ให้เราเลือกทานไม่ว่าจะเป็นส้มเขียวหวานหรือส้มพันธุ์อื่นๆ ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูงมาก การทานส้ม จึงช่วยป้องกันร่างกายไม่ให้เป็นหวัดได้ง่าย นอกจากนี้ส้มยังเป็นผลไม้ที่ช่วยแก้อาการไอ ขับเสมหะ และยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในเรื่องของการย่อยอาหารได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

  • โยเกิร์ต

ในโยเกิร์ตนั้นอุดมไปด้วยจุลินทรีย์ขนาดเล็กนับล้านๆตัว การทานโยเกิร์ตจึงสามารถช่วยเพิ่มการทำงานของเม็ดเลือดขาว และช่วยเพิ่มสารแอนติบอดี้บางชนิดในร่างกายได้ ทำให้ช่วยในการบรรเทาอาการหวัดและภูมิแพ้ได้ด้วย

  • เมนูยำรสเด็ด

เพราะว่าในส่วนประกอบของยำแต่ละประเภทนั้นมักจะมีส่วนประกอบไปด้วยหอมหัวใหญ่ พริกขี้หนู กระเทียม ซึ่งล้วนมีคุณสมบัติในการป้องกันโรค เช่น แก้หวัด คัดจมูก แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ เหมาะที่จะทานมากๆในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น ยำวุ้นเส้น ยำรวมมิตร ยำทะเล เป็นต้น

7 อาหารช่วยต้านโรคหวัด
  • น้ำผลไม้สมูทตี้ และน้ำสมุนไพร

โบกมือลาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเปลี่ยนมาเป็นการดื่มน้ำผักผลไม้ หรือน้ำสมุนไพรแทน เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคหวัดได้ดี โดยเฉพาะเมื่อตอนที่เป็นหวัดแล้ว ควรดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำเปล่าอุ่นๆ จะช่วยลดน้ำมูกและช่วยบรรเทาอาการหวัด หรือน้ำสมุนไพร เช่น น้ำตะไคร้ น้ำสมุนไพรที่เราทำเองได้ง่ายๆ

มีประโยชน์มากๆโดยเฉพาะกับผู้ที่มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จากโรคหวัด ให้นำต้นตะไคร้มาหั่นเป็นท่อนๆ แบบบุบพอแตก ต้มกับน้ำเปล่าให้เดือด ดื่มหรือจิบบ่อยๆ จะช่วยในการบรรเทาอาการหวัดได้ แต่ถ้ายังไม่เป็นหวัดก็สามารถต้มน้ำตะไคร้ดื่มแบบเย็นๆได้เช่นกัน ถือเป็นเครื่องดื่มที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ

  • อาหารที่มีวิตามินซีสูง และสารต้านอนุมูลอิสระ

อาหารที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ หาทานได้ไม่ยาก อยู่รอบตัวเราทั้งนั้น ซึ่งอาหารที่มีสารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคและช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย และป้องกันการติดเชื้อได้อีกด้วย เช่น กะหล่ำปลี แครอท ผักใบสีเขียวจัดๆ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ส้ม ฝรั่ง องุ่น แคนตาลูป มะละกอสุก เป็นต้น

7 อาหารช่วยต้านโรคหวัด
  • ซุปไก่ร้อนๆ

การทานเมนูซุปไก่จะช่วยลดอาการคัดจมูก ควรเติมผักเข้าไปในซุปด้วยจะดีมาก เพื่อเพิ่มสารอาหาร เช่น หอมใหญ่ ขึ้นฉ่าย มะเขือเทศ มันฝรั่ง ซุปไก่ที่ผ่านกระบวนการตุ๋นนานๆ จนโปรตีนย่อยสลายเป็นไดเปปไทด์ จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสดชื่น และยังให้โปรตีนที่ดีต่อร่างกายด้วย แถมยังช่วยลดอาการไอได้ด้วยสิ

  • อาหารรสเผ็ด

อาหารที่มีรสเผ็ดจะช่วยให้เรารู้สึกจมูกโล่ง หายคัดจมูกได้ ก็คือเมนูอาหารรสเผ็ดร้อนอะไรก็ตามที่มีพริกเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็น พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า พริกแห้ง รวมไปถึงพริกไทย และสมุนไพรรสเผ็ดร้อนอื่น ๆ เมนูง่ายๆที่มีพริกเป็นส่วนประกอบเช่น พริกขี้หนูในต้มยำ พริกชี้ฟ้าในผัดเผ็ด พริกไทยในแกงเลียง พริกแห้งในลาบ หรือใครที่ทานเผ็ดไม่ได้ แนะนำให้ทำน้ำขิงร้อนๆดื่มแทนก็ได้ ก็จะช่วยให้ระบบการหายใจทำงานคล่องขึ้นเช่นกัน

7 อาหารช่วยต้านโรคหวัด

นี่ก็คือ 7 อาหารช่วยต้านโรคหวัด ที่นำมาฝากกันในบทนี้ ลองนำไปเป็นหลักในการเลือกทานเมนูอาหารที่ช่วยต้านโรคหวัดเหล่านี้กัน ในมื้ออาหารที่เราต้องทานในแต่ละวัน แล้วในบทหน้าเรามาพบกันใหม่กับเคล็ดลับเรื่องสุขภาพที่จะไปสรรหามาฝากกันอีกได้ในทุกสัปดาห์ จะเป็นเคล็ดลับสุขภาพเรื่องอะไรกันบ้าง เราต้องมาติดตามกันต่อ

ติดตามบทความ good food ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

FB : Beauthy-healthy

Categories
good health

   การดูแลสุขภาพจิตและกาย ช่วงการระบาดของโควิด19

       สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ไปทั่วโลกที่ยาวนานถึง 2 ปี ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ และมีผู้ติดเชื้อรายวันสูงมาก ทำให้เราต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ และทำให้สุขภาพกาย สุขภาพจิตของเราเสีย หลายคนรู้สึกท้อกับปัญหาและอุปสรรคส่วนตัวในช่วงนี้ เราจึงมี 10 วิธี ดูแลสุขภาพจิตและกายในช่วงนี้

Cr.pic; https://www.scholarship.in.th/

1.ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีทุกวันหรืออาทิตย์ละ 3 วัน  นั่งพักผ่อนหย่อนใจหามุม สบายๆ นั่งพักถ้านั่งทานทั้งวัน  ควรเดินยืดเส้นยืดสายบ้าง หลังเลิกงานหากิจกรรมที่ชอบทำ

2. ใช้คำพูดที่ชวนฟังช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน  และมีน้ำใจ คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

การดูแลสุขภาพจิตและกาย ช่วงการระบาดของโควิด-19

Cr.pic; https://www.scholarship.in.th/

3. จัดการอารมณ์อย่างเหมาะสม ตั้งสติ ไตร่ตรองถึงสิ่งที่เกิดขึ้น คิดถึงผลดี ผลเสียที่จะตามมา

4. สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ยิ้มแย้ม แจ่มใส เอื้อเพื่อเพื่อแผ่ ช่วยเหลือชึ่งกันและกัน

การดูแลสุขภาพจิตและกาย ช่วงการระบาดของโควิด-19

Cr.pic; https://th.jobsdb.com/

5. รู้จักบริหารเวลา แบ่งเวลาอย่างเหมาะสม เช่น ทำงานที่สำคัญหรือเร่อด่วนก่อน แล้วจึงทำงานอื่นภายหลัง

6. แสดงความคิดเห็นในทางสร้างสรรค์ กล้าบอกความต้องการของตนเอง ตามสิทธิที่ควรจะได้รับ และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เพื่อให้มีความสุขในการทำงาน

การดูแลสุขภาพจิตและกาย ช่วงการระบาดของโควิด-19

Cr.pic; https://th.jobsdb.com/

7. สร้างความเข้มแข็งทางจิตใจให้ตนเอง ให้กำลังใจและชื่นชมตนเอง เมื่อทำอะไรสำเร็จ

8. รู้จักเก็บออม ฝึกให้เป็นนิสัย การมีเงินออมจะทำให้มีความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ

การดูแลสุขภาพจิตและกาย ช่วงการระบาดของโควิด-19

Cr.pic; https://th.jobsdb.com/

9. รู้จักแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี หาสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา และแก้ที่ อย่าแก้ปัญหาถ้วยอารมณ์หรือขอรับการปรึกชาทางโทรศัพท์ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง

10   ดูแลสุขภาพกายกันด้วยการตรวจสุขภาพก็เหมือนกับการประเมินสภาพร่างกายของเราว่า ภายในร่างกายเรายังแข็งแรงอยู่หรือไม่หรือมีความเสี่ยงในการเกิดโรคในอนาคตหรือเปล่าและหากตรวจพบว่ามีอาการบางอย่างที่ส่อเค้าว่าอาจพบโรคบางโรคในระยะเริ่มต้น เราจะได้เตรียมปรึกษาคุณหมอเพื่อดูแลและรักษาสุขภาพให้ห่างไกลโรคแต่เนิ่นๆ ส่วนข้อจำกัดในการเลือกว่าจะตรวจสภาพร่างกายลักษณะใดนั้น

สามารถแบ่งองค์ประกอบโดยขึ้นอยู่กับอายุเพศ และความเสี่ยงเป็นหลัก แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึง การตรวจสภาพร่างกายมีหลายวิธี หากไม่มีข้อบ่งชี้หรืออาการที่แสดงออกมาก็สมควรที่จะต้องเลือกการตรวจวิเคราะห์สภาพร่างกาย บางอย่าง เพราะการตรวจบางประเภทนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เช่นหากต้องทำ CT Scan ทั้งตัวเพื่อหามะเร็ง คุณอาจจะได้รับรังสีมากจนเกินไปทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ซึ่งเป็นข้อควรระวัง

ที่ผ่านมามีหลายคนที่ตรวจสุขภาพเสร็จแล้วแต่ไม่ทราบว่าต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือควรต้องระมัดระวังเรื่องอะไรบ้างแสดงว่าคุณได้ประโยชน์แค่ครึ่งเดียวคือการค้นหาโรคที่อาจจะพบเจอจากการตรวจสุขภาพแต่คุณยังไม่ได้ป้องกันตัวเองจากโรคต่างๆที่อาจะเกิดขั้นภายหลังถ้าคุณไม่พึงระวัง

        ยิ่งมีการแพร่ระบาดของโควิด19 ก็ต้องดูแล ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจกันให้ดีทั้งตัวคุณเอง และคนที่คุณรัก  หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

FB : Beauthy healthy

Categories
good health

4 วิธีป้องกันโควิด-19

4 วิธีป้องกันโควิด-19 ช่วงฤดูหนาว

โควิด-19 เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อได้ทางทางเดินหายใจ อาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือหากมีอาการรุนแรงกว่านั้น อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย เชื้อไวรัสกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว และแพร่กระจายไปทั่วโลก  เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีนเป็นหนทางเดียวที่จะป้องกันอาการจากการติดโควิด-19 ไม่ให้รุนแรง และต้องดูแลลูกหลานที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปีให้ปลอดภัยจากโควิด-19 เพราะยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี

โควิด-19สามารถติดต่อได้ทางไหนบ้าง

วิธีป้องกันโควิด
วิธีป้องกันโควิด

1.โควิด-19 สามารถตติดต่อได้ผ่านทางเดินหายใจโดยนำเชื้อไวรัสเข้าไปจากผู้ที่มีเชื้อโควิด-19 ผ่านการไอ จาม สารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย ซึ่งสามารถแพร่กระจายในอากาศได้ไกลถึง2เมตรและเชื้อไวรัสยังคงอยู่ในอากาศได้นาน 5 นาที ควรเว้นระยะห่าง 2 เมตร และสวมหน้ากากผ้าทับหน้ากากอนามัยอีก1ชั้นค่ะ

วิธีป้องกันโควิด
วิธีป้องกันโควิด

2.โควิด-19 สามารติดต่อได้ผ่านการสัมผัสสิ่งของ อุปกรณ์ เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ คุณอาจไม่รู้ว่าเจ้าเชื้อโควิด-19นี้ มันสามารถมีชีวิตอยู่ในลูกบิดประตู โต๊ะ กระดาษทิชชู่ เสื้อผ้าที่ โทรศัพท์ เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังแพร่ลงน้ำได้ ส่วนธนบัตรเชื้อคงอยู่นาน 5 วัน เพราะฉะนั้นเราไม่ควรใช้เงินสด ควรใช้การโอนเงินผ่านพร้อมเพย์จะดีที่สุดค่ะ แต่ถ้าอากาศมีอุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศา อย่างตู้เย็นอาจอยู่ได้นานถึง 1 เดือนเชียวค่ะ จึงไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่แออัดและเป็นระบบปิด เป็นห้องแอร์ที่มีอากาศไม่ถ่ายเทค่ะ ซึ่งหลังสัมผัสสิ่งของที่เป็นของสาธารณะ ก่อนรับประทาน หลังรับประทานอาหาร  ควรล้างมือให้ถูกวิธี 7 ขั้นตอนด้วยน้ำสะอาดและสบู่ หรือด้วยเจลแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อ และไม่ควรใช้มือสัมผัสใบหน้า ไม่ควรขยี้ตา/แคะจมูก ไม่ควรใช้รถสาธารณะ

วิธีป้องกันโควิด
วิธีป้องกันโควิด

3.สังเกตอาการ จากการสำรวจผู้ป่วยที่ติดควิด-19 ภายใน 14 วัน พบว่ามีอาการ ดังนี้ มีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส มีน้ำมูก ไอจามแห้งๆ อ่อนเพลีย เสมหะ หายใจไม่ออก เจ็บคอเพราะเชื้ออาจลงคอไปแล้ว ปวดศรีษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวสั่น อาเจียน หากมีอาการเหล่านี้ให้รีบแจ้ง 1669เพื่อรับตัวส่งรพ. กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเผ้าระวัง คือ ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี

4.ฤดูหนาว อาจทำให้เกิดโรคที่มีอาการใกล้เคียงกับโควิด-19 อาจทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ ป้องกันได้ด้วยการฉีดววัคซีนฟรี ปีละ 1 ครั้ง และไข้เลือดออก ป้องกันด้วยการเก็บบ้าน เก็บขยะ กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในน้ำขังที่อยู่ภายในบ้าน จึงต้องหมั่นสังเกตอาการ และไม่ตื่นตระหนก

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

FB : Beauthy healthy