Categories
good health

ทำอย่างไรเมื่อมีอาการหมดไฟ

นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิดเริ่มต้นขึ้น เราทุกคนต่างใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองมากขึ้นอยู่กับบ้านมากขึ้นใช้ชีวิตตามลำพังและเข้าสังคมน้อยลง มีช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิดทำให้เกิดกิจกรรมมาใหม่ขึ้นมามากมายกลางเรียนที่บ้านทำงานที่บ้าน ซึ่งบางสิ่งบางอย่างเราก็ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นในชีวิตเรา และเช่นเดียวกันการแพร่ระบาดของโรคโควิดก็ทำให้เราไม่ได้ทำกิจกรรมที่เราทำอยู่เสมอในแต่ละปีอย่างเช่น การออกกำลังกายในพื้นที่สาธารณะ การเดินทางท่องเที่ยว เป็นต้น

ซึ่งการที่เราไม่ได้ทำกิจกรรมที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายนั้นทำให้ชีวิตในช่วงที่ผ่านมาเรามีแต่เรื่องการทำงานและเรื่องการเรียนอยู่ตลอดทั้งปีเลยก็ว่าได้ และการทำกิจกรรมแบบนี้วนไปทุก ๆ วันก็อาจจะทำให้เกิดอาการหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าไม่อยากทำแล้ว เหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน ซึ่งอาการเหล่านี้ก็คืออาการหมดไฟนั่นเอง

ภาพจาก Pexels

อาการหมดไฟเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับคนทุก ๆ คนและไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้และในช่วงปีที่ผ่านมาอาการนี้ก็กลายเป็นอาการยอดฮิตที่หลายๆ คนเป็นกันเลยก็ว่าได้ โดยอาการหมดไฟสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุเป้าหมายที่สูงเกินไป การทำงานหนักเกินไป หรือว่าความเครียดที่สะสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งอาการหมดไฟนั้นเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้และหายเองได้ถ้าหากว่ารู้จักจัดการอารมณ์ของตัวเองซึ่งแต่ละคนนั้นก็อาจจะใช้ระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไปบางคนใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันแต่บางคนก็ใช้เวลาเป็นปีกว่าอาการหมดไฟจะหมดไป ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากว่าปล่อยให้อาการนี้อยู่กับเราเป็นระยะเวลานานก็จะทำให้เราสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายเสียรวมไปถึงการงานการเรียนก็เสียไปด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นเป็นไปได้ก็ควรที่จะจัดการกับอาการนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหรืออย่างน้อยก็สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้

ภาพจาก Pexels

มีวิธีการมากมายที่จะช่วยให้อาการหมดไฟนั้นหายไป ถ้าหากรู้สึกว่าตัวเองนั้นกำลังมีอาการนี้อยู่และใช้เวลาอยู่กับงานอยู่กับการเรียนมากเกินไปก็อาจหากิจกรรมอื่นเข้ามาทดแทนอย่างเช่นการอ่านหนังสืออ่านเล่น ดูหนัง ฟังเพลง หรือถ้าว่ารู้สึกอยู่กับบ้านนานเกินไปหรือไม่ได้พูดคุยกับใครก็อาจจะออกไปเข้าสังคมบ้างหรือแชทหาใครสักคนเพื่อพูดคุยและระบายปัญหาต่าง ๆ ก็สามารถช่วยได้มากเลยทีเดียว งานอดิเรกก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่จะช่วยให้อาการหมดไปนานทุเลาลงได้ ปลูกต้นไม้ เล่นบอร์ดเกม เป็นต้น

แน่นอนว่าบางครั้งการพักผ่อนอยู่เฉย ๆ เพื่อให้อาการหมดไฟนั้นหมดไปก็อาจจะทำให้เรารู้สึกผิดบ้างที่ไม่มีงานเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะถ้าหากว่าเราฝืนทำงานต่อไปก็จะทำให้ส่งผลเสียไปมากกว่านี้ก็ได้ ดังนั้นการพักผ่อนก็เป็นเรื่องที่ดีมากด้วยเช่นกันและถ้าหากว่าอาการหมดไฟมันหายไป อาจจะทำให้เราสามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ภาพจาก Pexels

ข้อมูลจาก CNN

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

รวม 4 เคล็ดลับการดื่มน้ำเพื่อช่วย ในการลดนํ้าหนัก ที่ดีต่อสุขภาพ

    น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการหล่อเลี้ยงชีวิตของสรรพสิ่งทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นดิน,ต้นไม้,สัตว์ หรือแม้กระทั่งมนุษย์เรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงสาวด้วยแล้ว ถ้าขาดน้ำแล้วก็จะทำให้การทำงานของร่างกายผิดปกติไปและจากการศึกษาพบว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยส่งเสริมความจำ และอารมณ์อีกทั้งยังส่งผลต่อการทำงานของสมองด้วย ถ้าหากร่างกายขาดน้ำมาก ๆ

สมองก็จะกระตุ้นให้สร้างสารสื่อประสาทที่จะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอล ส่งผลกับความเครียดเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นในการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายสามารถ ที่จะช่วยคลายความเครียดลงได้ทั้งยังป้องกันการท้องผูก และพัฒนาความจำระยะสั้นได้อีกทั้งป้องกันการเกิดนิ่วได้ด้วย แถมยังช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นและนอนหลับได้ดี และที่สำคัญช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ด้วย

เคล็ดลับการดื่มน้ำเพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก

     ในสมัยก่อนมีคนเชื่อว่าการดื่มน้ำนั้นช่วยส่งเสริมในเรื่องของการลดน้ำหนัก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็คือ 30-59% ของคนที่กำลังพยายามลดความอ้วนนั้นเลือกที่จะดื่มน้ำให้มากกว่าเดิม ซึ่งในงานวิจัยจำนวนมากได้พบว่าการที่ดื่มน้ำมาก ๆ นั้นมีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก และควบคุมน้ำหนักของคนเราเป็นอย่างมาก และเคล็ดลับของการดื่มน้ำเพื่อช่วยในการลดน้ำหนักนั้นมีดังนี้

     1.การดื่มน้ำทำให้เราได้เผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น ในการดื่มน้ำที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ให้เรา โดยร่างกายของเราจะเผาผลาญพลังงานในขณะพัก

      2. การดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารช่วยลดความอยากอาหารได้ ในการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารนั้น จะช่วยลดความอยากในอาหารลงได้ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะมีส่วนที่เป็นจริงอยู่เหมือนกัน แต่จะเกิดขึ้นกับคนที่อยู่ในวัยกลางคน และสูงอายุเท่านั้น ซึ่งจากงานวิจัยนี้เราจะพบว่า การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารนั้นมีประโยชน์กับคนที่อยู่ในวัยกลางคนเท่านั้น แต่การวิจัยในกลุ่มคนหนุ่มสาวกลับไม่แสดงผลลัพธ์ในการลดแคลอรี่ในปริมาณที่น่าพอใจเท่าไหร่

    3. การดื่มน้ำมากขึ้นมีความสัมพันธ์กับการรับแคลอรี่ที่ลดลง น้ำเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี่ซึ่งปกติแล้วจะมีความเกี่ยวข้องกับการได้รับแคลอรี่ที่น้อยลง ซึ่งเป็นเพราะเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ที่มีน้ำตาล และแคลอรี่สูง

    4. ลดความเสี่ยงในการมีน้ำหนักเพิ่ม  ซึ่งได้มีการวิจัยในโรงเรียน โดยมีเป้าหมายที่จะลดจำนวนเด็กที่เป็นโรคอ้วน และยังติดตั้งน้ำพุดื่มได้ในโรงเรียนอีก 17 แห่ง และได้สอนเด็กในห้องเรียนเกี่ยวกับการดื่มน้ำซึ่งผ่านไปหนึ่งปีการศึกษา พบว่าความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วนของเด็กนักเรียนลดลงถึง 31 เปอร์เซ็นต์ ในโรงเรียนที่มีการติดตั้งน้ำพุไว้

    เพราะฉะนั้นน้ำจึงมีประโยชน์มากในการช่วยลดน้ำหนัก และน้ำยังเป็นเครื่องดื่มที่ไร้แคลอรี่ ซึ่งช่วยให้เราได้เผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ลดความอยากอาหารได้หากดื่มก่อนการทานอาหาร แต่จะอย่างไรก็ตาม หากต้องการที่จะลดน้ำหนักของตนให้เห็นผลได้ชัดเจน เราจะต้องออกกำลังกายด้วย ซึ่งถ้าหากจะดื่มน้ำเพียงอย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอ ดังนั้นต้องออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย จึงจะเห็นผลได้อย่างชัดเจน

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

วิธีการเตรียมตัวก่อนไปฉีดวัคซีน Covid-19 สำหรับเด็กโดยเฉพาะ

            จากภาพรวมของสถานการณ์การติดโรคโควิด – 19 ในเด็กจะมีน้อยกว่าผู้ใหญ่ และอาการก็มักจะไม่รุนแรง การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน covid-19 ให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งในขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนที่ได้รับการรับรอง และขึ้นทะเบียนกับ อ ย. ให้ใช้ในเด็ก และวัยรุ่นได้ก็คือ ไฟเซอร์  และในรอบนี้จะมีการนำร่องฉีดให้กับนักเรียนในจังหวัดนนทบุรีก่อน โดยเริ่มในวันที่ 4 – 8 ตุลาคมนี้ และต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนถึงจะฉีดวัคซีนได้ และสถานที่ฉีดนั้นจะใช้พื้นที่ห้องพยาบาลของแต่ละโรงเรียน โดยวัคซีนไฟเซอร์สำหรับกลุ่มเป้าหมายนักเรียน จะให้ระยะห่างระหว่างเข็ม 1 – 2 อยู่ที่ประมาณ 4 สัปดาห์ และนักเรียนมีจำนวนราว 4.8 ล้านคนทั่วประเทศ

เตรียมความพร้อมเปิดเรียนรับวัคซีนถ้วนหน้า

            จากการหารือกันระหว่างกับกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทยมีแนวทาง การเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ซึ่งได้แก่ การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม ให้แก่กลุ่มที่มีอายุ 12 ปีจนถึง 17 ปี 11 เดือน 29 วันในวันที่ฉีด และได้อนุโลมให้กลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่มีอายุเกิน 17 ปี 11 เดือน 29 วันได้ฉีดด้วยในเดือนต.คเป็นต้นไป จะเริ่มฉีดให้กับนักเรียน – นักศึกษา ในพื้นที่ครอบคลุมสูงสุด และเข้มงวดสีแดงเข้ม 29 จังหวัดก่อน

ต้องให้ผู้ปกครองยินยอมก่อนฉีด

สำหรับแผนการฉีดไฟเตอร์ให้กับนักเรียนที่อายุ 12 – 17 ปี ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองก่อน และคาดว่าภายในต้นเดือน ตุลาคม 2564 นี้ จะได้ข้อสรุปจำนวนนักเรียนที่ผู้ปกครองยินยอมให้ฉีดได้

คำแนะนำฉีดไฟเซอร์แก่เด็ก

            ไฟเซอร์เป็นวัคซีนชนิด mRNA ชื่อทางการ BNT162b2 ผู้คิดค้นคือบริษัทไฟเซอร์ ร่วมกับบริษัทสัญชาติเยอรมันไอโบเอ็นเท็ค และได้รับการอนุมัติจาก อย. เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564  และเป็นวัคซีนโควิดรายที่ 6 ที่ผ่านการอนุมัติจาก อย.

คำแนะนำฉีดวัคซีน covid-19 จากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ได้ออกประกาศคำแนะนำ โดยสำรวจผู้ที่มีภาวะเสี่ยง และมีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคดังนี้

            1. โรคอ้วน

            2. โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง

            3. โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง

            4. โรคไตวายเรื้อรัง

            5. ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และโรคมะเร็ง

            6. โรคเบาหวาน

            7 กลุ่มโรคทางพันธุกรรม รวมทั้งเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบสมองอย่างรุนแรง และเด็กพัฒนาการช้า

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในเด็กไทย

            หลังจากได้มีการพบอาการที่ไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีน คณะผู้เชี่ยวชาญได้วินิจฉัยว่าเข้าข่ายอาการรุนแรง คือกลุ่มเนื้อหัวใจอักเสบ ประเทศไทยพบแล้ว 1 รายเป็นเพศชายอายุ 13 ปี เป็นโรคอ้วน  แต่ในปัจจุบันรักษาหายเป็นปกติแล้ว จากรายงานอุบัติการณ์ ของอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ  และเนื้อหุ้มหัวใจอักเสบพบ 16 ราย  ใน 1 ล้านโดส ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อาการพบได้ใน 30 วันหลังจากได้รับวัคซีน และพบได้มากในเข็มที่ 2 อัตราการเกิดสูงสุดในเพศชายอายุ 12 ถึง 17 ปี กลุ่มรองลงมาที่พบคืออายุ 18 ถึง 24 ปี และไม่มีรายงานในผู้สูงอายุ

สรุป

ในการฉีดวัคซีนไฟเชอร์ให้กับกลุ่มเด็ก และเยาวชนนั้นให้เป็นความสมัครใจของผู้ปกครองของเด็กไม่ได้บังคับ ดังนั้นผู้ปกครองจะต้องพิจารณาถึงความจำเป็นของการฉีดวัคซีนให้กับเด็ก และวัยรุ่น ซึ่งทั้งนี้ต้องดูที่ประโยชน์ และความเสี่ยงที่ลูกหลานจะได้รับ อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และเตรียมความพร้อมให้กับเด็กนักเรียนก่อนการเปิดภาคเรียนใหม่ ที่จะถึงนี้

ขอบคุณภาพโดย https://pixabay.com/

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

รีวิวเทคนิคการเลิกบุหรี่ภายใน 21 วัน เห็นผลทันใจจากประสบการณ์ตัวเอง 

สิ่งนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องราวที่ใหม่มาก แต่เชื่อเถอะว่าสำหรับผมผู้ที่มาเล่าเรื่องราวนี้มันเป็นเรื่องที่แปลกใหม่จริง ๆ และเปลี่ยนแปลงชีวิตผมไปอย่างถาวร นั่นก็คือปัจจุบันผมเลิกบุหรี่ได้แล้วครับ แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่เล็กน้อยมากสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่เชื่อเถอะว่ามันทำให้ชีวิตผมนั้นเปลี่ยนแปลงไปจนหลายคนนั้นสังเกต ซึ่งความเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้ผมได้นำเรื่องราวมาเขียนเป็นวรรคเป็นตอน จับใจความสำคัญ ซึ่งจะได้เป็นได้เป็นไกด์ไลน์ให้กับคนที่อยากเลิกบุหรี่ทุกคน 

1. ช่วงสัปดาห์แรกของการเลิกบุหรี่ 

ในช่วงสัปดาห์แรกนั้นถือว่าเป็นอะไรที่ทรมานเป็นอย่างมากสำหรับการเลิกบุหรี่ ผมได้รับประสบการณ์นั้นมาแบบเต็ม ๆ อาการรู้สึกว่าเหมือนสั่นสะท้านไปทั้งตัว คอแห้ง รสชาติจืดเป็นอย่างมาก สิ่งที่ทำให้ได้รสชาติ และความรู้สึกผ่อนคลายก็มีเพียงแค่ลูกโป่ง ผมขอแนะนำให้ซื้อน้ำหวาน แบบขวดเอาไว้ด้วยเอาไว้ชงดื่มจะสามารถช่วยแก้กระหายได้เป็นอย่างดี และพยายามทำจิตใจให้ผ่อนคลายฟังเพลงด้วยก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียว 

2. เลิกบุหรี่ได้ 14 วัน อาการเริ่มดีขึ้น แต่มีความต้องการ เมื่อพบสิ่งล่อตาล่อใจ 

แน่นอนว่าการเลิกบุหรี่มา 14 วันแล้วมันจะทำให้ความอยากของผมเริ่มลดลง แต่ในช่วงนี้ร่างกายนั้นยังปรับตัวไม่คงที่ ซึ่งถ้าหากคุณเลิกบุหรี่มาถึงช่วงเวลานี้เช่นเดียวกัน คุณจะรู้สึกกระวนกระวายเมื่อมีใคร พูดคุยหรือ ชักชวนออกไปข้างนอก คุณก็อาจจะไปพบเจอกับคนสูบบุหรี่เช่นเดียวกัน ขอแนะนำให้คุณเดินทางออกมาสักหน่อย แล้วใช้วิธีการดื่มกาแฟหรือโกโก้ก็ได้ มันจะช่วยทำให้คุณผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน 

3. สภาพร่างกายหลังจากเลิกบุหรี่ ได้ 20 วันแบบต่อเนื่องกัน 

สำหรับผมเมื่อเลิกบุหรี่ได้มา 20 วันเต็ม บอกได้เลยว่าร่างกายนั้นรู้สึกสดชื่นขึ้นเป็นอย่างมาก ระบบการหายใจของผมรู้สึกว่าปวดกระดูกมากยิ่งขึ้น 

ส่วนทางด้านการพักผ่อน บอกเลยว่าหลับสบายมากกว่าเดิมหลายเท่า และทานอาหารได้เยอะมากยิ่งขึ้น ๆด้วย จึงทำให้สีหน้าดูดีมากยิ่งขึ้น และรอยคล้ำใต้ตาก็หายไป ซึ่งสามารถทำให้ผมนั้นฟื้นฟูสภาพปอดได้มากกว่าเดิมหลายเท่าเลยทีเดียว และล่าสุดปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูง ผมก็ลดน้อยลงไปมาก จึงเข้าสู่ระดับปกติ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะมาจากการเลิกบุหรี่ผมนั่นเอง 

สรุป 

และนี่ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ของผมที่ประสบความสำเร็จทั้งหมดภายในระยะเวลา 21 วัน และแน่นอนปัจจุบันผมไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่อีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งมันทำให้ผมเปลี่ยนแปลงสุขภาพอย่างมาก และเก็บตังค์ได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ผมอยากจะเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่คิดอยากจะเลิกบุหรี่ ถ้าหากคุณรู้ถึงข้อดีแบบนี้แล้ว คุณลองวิธีของผมดูนะน่าจะช่วยทุกคนได้ไปพร้อมกันเลยทีเดียวขอให้ทุกคนโชคดี 

ขอขอบคุณภาพจากhttps://pixabay.com/

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

อาการจิตตกปัญหาใหญ่กว่าที่คุณคิด หนึ่งในสภาวะโรคซึมเศร้าที่อยู่ใกล้ตัวคนไทยมาก 

แทบไม่น่าเชื่อว่าปัญหาอาการจิตตกของคนไทยทุกวันนี้เพิ่มสูงขึ้นมากเรื่อย ๆ เพราะว่าปัญหาเกี่ยวกับเรื่อง covid – 19 น่าจะส่งผลโดยตรงกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน และการดำรงชีวิต แล้วถ้าหากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน ยิ่งทำให้อาการของคุณนั้นย่ำแย่ลงอย่างแน่นอน แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลใจเสมอไปจะมาแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหา และป้องกันพร้อมทั้งบรรเทาอาการจิตตกก่อนที่คุณจะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างแท้จริง 

1. วิธีการป้องกัน สภาวะ Languishing

สำหรับผู้มีปัญหาทางด้านสุขภาพ และอาการเหล่านี้หมายถึงอาการที่มองโลกในแง่ลบ ส่วนใหญ่ประมาณ 80% มักจะเป็นกับผู้ที่กำลังเผชิญปัญหากับชีวิตอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านการใช้ชีวิตในปัจจุบันหรือจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ผู้ที่มีปัญหาในลักษณะนี้จะมองโลกกว้างในแง่ลบทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตของตัวเอง วิธีการแก้ไขที่ง่ายที่สุด นั่นก็คือหางานอดิเรกเพื่อมาเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นงานประดิษฐ์ การเลี้ยงสัตว์หรือตกแต่งต้นไม้ สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยทำให้คุณสุขภาพดีขึ้นได้

2. วิธีการป้องกันสภาวะ hurt yourself เนื่องจากความเครียด 

หลายท่านอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับสภาวะฮอร์โมนในร่างกาย และอารมณ์ คือทุกคนสามารถเกิดความเครียดจนถึงขั้นอยากจะทำร้ายตัวเองได้ ส่วนใหญ่ประมาณ 80% ของผู้ที่มีปัญหาในลักษณะนี้นั้นจะเป็นกลุ่มคนที่มีสุขภาพจิตที่แลดูปกติมาก ซึ่งเหล่านั้นจะไม่สามารถสังเกตได้โดยง่าย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเก็บกดแบบลึก เนื่องจากความเครียดถูกกดดันบีบบังคับ วิธีการแก้ไขนั่นก็คือ การพบจิตแพทย์โดยตรง หลังจากนั้นควรจะหาคนพูดคุยเป็นประจำ วิธีนี้จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะว่าการระบาย และการสื่อสารจะเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ได้ผลดี 100% 

3. วิธีการป้องกันสภาวะ high stress

high stress อาการนี้ทางการแพทย์เรียกว่าความเครียดสะสม ซึ่งเป็นอาการที่คนไทยส่วนใหญ่ตอนนี้พบเจอกันเยอะมาก และทำให้ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นทางด้านนาฬิกาชีวิต หรือจะเป็นการใช้ชีวิตโดยรวมวิธีการแก้ไขปัญหานี้ นั่นก็คือ คุณควรพยายามตั้งสมาธิ และปฏิเสธเรื่องราวทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นภายนอกไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี

เรื่องที่เลวร้ายก็ตาม ด้วยวิธีนี้จะสามารถทำให้วงจรความเครียดของคุณนั้นลดลงได้ ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องพึ่งยาหรือปรึกษาแพทย์แต่อย่างใด และจะเป็นวิธีการป้องกันปัญหาโรคซึมเศร้าในอนาคตที่ได้ผลดีอีกด้วย

สรุป 

ความเครียดอาการจิตตกปัญหาสุขภาพ และความเป็นความตายทางด้านธุรกิจปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำ ให้หลายคนเป็นเพียงแค่โรคจิตตกได้ แต่ถ้าหากคุณรู้จักวิธีการรับมือ คุณก็สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน หวังว่าจะสามารถช่วยเหลือทุกคนได้ใน ณ ตอนนี้ ขอให้ทุกคนโชคดี และผ่านพ้นเรื่องเหล่านี้ไปด้วยกัน 

ขอขอบคุณภาพประกอบโดย 

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com 

Categories
good health

เช็คด่วนสุขภาพจิต 4 อาการ พบเป็นจำนวนมากในคนไทย มีใครบ้างเป็นกลุ่มเสี่ยง

ความจริงที่น่ากังวลใจการระบาดของไวรัสโควิค 19 ในปัจจุบันนั้นยังไม่คลี่คลายเลย ซึ่งบอกได้เลยว่าผ่านมาแล้ว 20 กว่าเดือน ในช่วงเวลาปัจจุบันได้ทำร้ายหลายชีวิต ซึ่งทำให้ผู้ที่ติดเชื้อนั้นเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด นั่นก็คือปัญหาภาพรวมในปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่กำลังพบเจออยู่ บอกเลยว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแต่อย่างใด และมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากมายจนหลายคนควรจะสังเกตตัวเอง และควรระวัง ว่าคุณนั้นมีอาการเหล่านี้หรือไม่ ถ้าหากมีอาการจะได้ป้องกัน และรักษาได้อย่างทันท่วงที

1. มีสภาวะความเครียดสูง

สำหรับท่านใดที่มีสภาวะทางด้านอารมณ์ และจิตใจอยู่ในความเครียดที่สูง เพราะว่ามีความกดดันเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจรวมไปถึงการทำงาน  ขอแนะนำให้คุณนั้นพยายามทำจิตใจให้สงบ ด้วยการหากิจกรรมยามว่าง วิธีนี้จะสามารถช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิ ดูหนัง ฟังเพลง หรือทำอาหาร สิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยลดระดับความเครียดลงไปได้ และสามารถช่วยควบคุมฮอร์โมนในร่างกายได้อีกด้วย

2. ความเสี่ยงอาการโรคซึมเศร้า

สำหรับคนไทยอาการนี้น่ากังวลมากที่สุด เพราะส่วนใหญ่จะมีอาการในลักษณะนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งวิธีการแก้สุขภาพจิตเกี่ยวกับโรคซึมเศร้านั่นก็คือการเข้าสู่สังคมบำบัด จะเป็นวิธีการบอกเล่าเรื่องราวที่มีความทุกข์เก็บกดภายในใจออกไป วิธีนี้สามารถช่วยทำให้อาการเหล่านั้นทุเลาลงได้ และควรจะติดต่อทางแพทย์โดยเร็ว เพราะว่าสามารถช่วยแก้ไขได้ง่ายกว่าการปล่อยไว้เป็นระยะเวลานาน

3. สภาวะอารมณ์แปรปรวนเสี่ยงฆ่าตัวตาย

สำหรับผู้มีความเครียด และหมดหนทางในการใช้ชีวิตสุขภาพจิตในปัจจุบัน สำหรับคนกลุ่มนี้ควรไปพบแพทย์โดยด่วน บอกเลยว่าเสี่ยงต่อการเสียชีวิต และคิดฆ่าตัวตายเป็นอย่างมากวิธีการแก้ที่ดีที่สุด นั่นก็คือการพบจิตแพทย์บำบัดรวมไปถึงรับยาจากคุณหมอ และพยายามให้เวลากับตัวเองมองดูแลมุมโลกที่สวยงาม จะทำให้อาการเหล่านี้เบาบางลงได้ และลดความเครียดพร้อมทางลดอาการความเสี่ยงการฆ่าตัวตายในปัจจุบัน

4. ปัญหาชีวิตรู้สึกหมดไฟในการใช้ชีวิต และการทำงาน

เชื่อถือว่าทุกคนน่าจะเคยมีอาการแบบนี้กับมาบ้าง แต่ถ้าหากผิดพลาดหรือไม่ประสบความสำเร็จแบบต่อเนื่องกัน อันนี้ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้สุขภาพจิตทางด้านอารมณ์ของคุณนั้นหมดกำลังใจ และการใช้ชีวิตไปโดยปริยาย ซึ่งจะส่งผลต่อความเจริญก้าวหน้าทางด้านอาชีพการงานของคุณอย่างแน่นอน วิธีการแก้คือ แนะนำให้คุณให้เวลากับตัวเองสัก 1 วัน มองหามุมที่สามารถพัฒนาตัวเองได้ และพยายามค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยเหลือคุณได้ในเวลา 24 ชั่วโมงนั้นคุณจะพบคำตอบที่ยอดเยี่ยมให้กับตัวเองอย่างแน่นอน วิธีนี้แก้ง่าย และช่วยได้จริง

สรุป

ความเครียดสำหรับคนไทยถือว่าเป็นเรื่องที่อันตราย ไม่น้อยกว่าปัญหาโควิค 19 ในปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากคุณเข้าใจถึงปัญหา คุณก็จะสามารถจัดการเกี่ยวกับสุขภาพจิต และความคิดของคุณได้ ในบทความนี้หวังว่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยดูแลคุณทางอ้อมได้เช่นเดียวกัน ขอให้ทุกคนโชคดี

ขอขอบคุณภาพจาก  https://pixabay.com/

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com 

Categories
good health

ข้อเสียของการใส่นาฬิกา smart watch ขณะวิ่ง

ในปัจจุบันนี้การออกกำลังกายกลายเป็นกิจกรรมยอดฮิตของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะการวิ่งกลายเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถสังเกตได้จากงานวิ่งที่มีการจัดตลอดทุกเดือนในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด และเมื่อปีที่ผ่านมาช่วงที่การแพร่ระบาดของโรคโควิดในประเทศไทยซาลง ก็มีงานวิ่งถูกจัดขึ้นมาบ้าง

ภาพจาก Pexels

การวิ่งเป็นกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจระบบไหลเวียนโลหิตสามารถทำงานได้ดีมากขึ้นและที่สำคัญยังเป็นการเอาชนะใจตัวเองอีกด้วย แต่ว่าปัจจุบันการที่มีอินเทอร์เน็ตเข้ามาทำให้การวิ่งนั้นเป็นเหมือนการแข่งขันมากขึ้น ผู้คนที่วิ่งมากมายต่างมีการแชร์ระยะทางหรือเวลาที่วิ่งทุกครั้งที่ได้ออกไปวิ่งเป็นประจำ ซึ่งกลายเป็นเทรนด์ของนักวิ่งเกือบทุกคนเลยก็ว่าได้ โดยการจับระยะทางและเวลานั้นจะต้องมีการสวมนาฬิกา smart watch ไว้ที่ข้อมือหรือพกโทรศัพท์ขณะวิ่งเพื่อให้มีการจัดระยะทางและเวลารวมไปถึงข้อมูลอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการก้าวโดยเฉลี่ย ซึ่งการที่พกอุปกรณ์เหล่านี้ขณะที่วิ่งก็จะทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ดีมากขึ้น แล้วสามารถนำเอาสถิติของเราไปแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้เห็นลงบน Social Media

แต่ในทางกลับกันนาฬิกา smart watch ก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้การออกกำลังกายกลายเป็นสิ่งที่ฝืนศักยภาพของร่างกายตัวเองแล้วหมดความสนุกไป เมื่อเราเห็นตัวเลขจากสถิติของเพื่อนก็จะเกิดการเปรียบเทียบและก็เป็นสิ่งที่ผลักดันที่จะทำให้รู้สึกว่าต้องทำให้ดีกว่าเพื่อน ซึ่งบางครั้งมันก็กลายเป็นความตึงเครียดมากกว่าความสนุกในการออกกำลังกายและเมื่อผลักดันเกินศักยภาพของตัวเองก็อาจจะมีแนวโน้มที่จะทำให้ได้รับอาการบาดเจ็บได้นั่นเอง

ภาพจาก Pexels

ซึ่งในปัจจุบันนี้การออกกำลังกายที่ดูเหมือนสนุกและให้ความเพลิดเพลิน ก็กลายเป็นการแข่งขันกับคนอื่นด้วยสถิติเวลาโดย Eoin Whelan ผู้ที่เป็นอาจารย์อาวุโสด้านระบบข้อมูลธุรกิจที่ National University ของประเทศไอร์แลนด์ได้มีการเปิดเผยงานวิจัยของเขากับสื่อข่าว CNN ว่า “ในปัจจุบันนี้คนจำนวนมากมายสนุกกับการใช้นาฬิกา smart watch หรือแอปต่าง ๆ บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนไปกับการเก็บข้อมูลและนำมาแชร์บนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันบางครั้งเมื่อเห็นนักวิ่งที่วิ่งเร็วกว่าก็ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ที่ทำไม่ได้เท่าเขา” ยิ่งไปกว่านั้น Eoin Whelan ยังบอกอีกด้วยว่าผู้คนที่ยึดติดกับการใส่นาฬิกาข้อมือหรือการมีอุปกรณ์พกพาเพื่อจับสถิติมีแนวโน้มจะไม่ออกกำลังกายถ้าหากว่าไม่มีอุปกรณ์เหล่านั้นติดตัวไปด้วย

ภาพจาก Pexels

ถึงแม้ว่าการใส่นาฬิกา smart watch เพื่อตรวจสอบสถิติต่าง ๆ ในการออกกำลังกายจะส่งผลดีทางด้านการพัฒนาการของร่างกายแต่ข้อเสียของมันก็คือบางครั้งอาจจะทำให้เกิดการออกกำลังกายเกินศักยภาพของตัวเอง ดังนั้นบางครั้งการไปออกกำลังกายก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่นาฬิกาข้อมือเสมอไปหรือถ้าใส่ก็อาจจะเว้นช่วงในการดูนาฬิกามากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดการกดดันมากเกินไปนั่นเอง

ข้อมูลจาก CNN

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good food

11 อาหารช่วยคลายความเครียด

การทานอาหาร ถือว่าเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดในชีวิตของคนเราทีเดียว ดังนั้น การเลือกที่จะทานอาหารในแต่ละวันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นเดียวกัน และสภาพของสังคมในยุคสมัยปัจจุบันนี้ ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่จะทำให้เรามีความเครียดเพิ่มมากขึ้นไปด้วย การเลือกทานอาหารของเราในแต่ละวัน ถ้าจะเป็นการทานอาหารเพื่อช่วยลดความเครียดได้ด้วย ก็น่าจะเป็นการดีไม่น้อยเลยสำหรับสุขภาพจิตที่ดีขึ้นของเราเอง

ในบทนี้จึงขอนำ 11 อาหารช่วยคลายความเครียดนำมาฝากทุกคนกัน เพื่อจะเป็นทางเลือกในการทานอาหารของเรา ว่าเราควรจะทานอาหารที่เหมาะสมกับเราอย่างไรกันบ้าง ใครที่อยากจะทราบกันแล้วว่ามีอาหารอะไรบ้างนะ เรามาติดตามกันเลยดีกว่า

  1. ผักขมและบล็อกโคลี่

ผักสีเขียวส่วนใหญ่มักจะอุดมไปด้วยสาร โฟเลท วิตามินบี แมกนีเซียม และเกลือแร่ต่างๆ โดยเฉพาะ กรดโฟลิกจะมีส่วนช่วยในเรื่องการทำงานของเส้นประสาท จึงจะช่วยทำให้ระดับความเครียดในร่างกายของเราลดลงได้ จิตใจของเราจะรู้สึกสงบสบายใจมากขึ้นด้วย

  • กล้วย

ด้วยสารโพแทสเซียมและเกลือแร่ที่มีอย่างอุดมอยู่ในกล้วยจะช่วยลดความตึงเครียดของเราให้น้อยลงได้ แถมในกล้วยยังมีสารทริปโตเฟน และกรดอะมิโนที่ช่วยหลั่งสารแห่งความสุขออกมาได้อีกด้วย

  • ปลาทูน่า แซลมอน และปลาน้ำจืดต่างๆ

เนื้อสัตว์ตระกูลปลาไม่เพียงแค่ให้สารอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ ยังมี โอเมก้า 3 ที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลีน ป้องกันโรคหัวใจที่เกี่ยวเนื่องมาจากความเครียด พร้อมทั้งวิตามินบี6 และบี12 ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการหลั่งสารแห่งความสุขด้วย

  • นมและโยเกิร์ต

มีสารอาหารที่จำเป็นต่อระบบประสาท แล้วยังอุดมไปด้วยสารทริปโตเฟน ที่ช่วยให้จิตใจสงบลง นี่คือเหตุผลว่าทำไมแพทย์แนะนำให้เราดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1 แก้ว

  • ผลไม้ตระกูลเบอรี่

มีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีไม่เพียงแค่ช่วยเรื่องบำรุงผิวพรรณ แต่ยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย อยากสดชื่นอยากคลายเครียด จะเลือกทานเบอรี่แบบสดๆ เป็นของว่าง หรือนำมาปั่นแบบสมูทตี้ก็หอมหวานอร่อยชื่นใจดี

  • ถั่วต่างๆ

หากรู้สึกเครียดๆ ในระหว่างกำลังทำงานหรืออ่านหนังสือ ลองหาถั่วมาเคี้ยวทานเพลินๆ วิตามินบี อี แมกนีเซียม และสังกะสีในถั่ว จะทำหน้าที่ช่วยลดความเครียดให้เราได้

  • ส้มและผลไม้รสเปรี้ยว

ร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินได้เอง เราจึงต้องเลือกรับวิตามินจากอาหารที่ทาน เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันมากพอ

  • เนื้อไก่

การเลือกเมนูมื้อเย็นเป็นเนื้อไก่ จะช่วยให้เราหลับสบายมากขึ้นได้

  • อะโวคาโด

ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินบีสูง ทำให้สามารถลดระดับความเครียดได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยังช่วยบำรุงระบบประสาทและเซลล์สมองอีกด้วย

10.แอพริคอทแห้ง

ด้วยสารแมกนีเซียมที่มีอยู่ในแอพริคอท จะช่วยให้กล้ามเนื้อรู้สึกผ่อนคลาย  และยังเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อระบบประสาทของเราอีกด้วย

11.ดาร์กช็อกโกแลต

 เพราะมีสาร Flavonols ที่ช่วยลดความดันโลหิต และยังมีประโยชน์ต่อสมองด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า และอ้วนน้อยกว่า เราต้องเลือกกิน “ดาร์กช็อกโกแลต” ที่มีปริมาณโกโก้ตั้งแต่ 70% ขึ้นไป

นี่ก็คือ 11 อาหารช่วยคลายความเครียดที่นำมาฝากกันในบทนี้ ลองนำไปเป็นหลักในการเลือกทานอาหาร ที่จะช่วยคลายความเครียดในชีวิตประจำวันของเราให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเราให้ได้มากที่สุด แล้วในบทหน้าเรามาพบกันใหม่กับเคล็ดลับเรื่องสุขภาพที่จะไปสรรหามาฝากกันอีกได้ในทุกสัปดาห์ จะเป็นเคล็ดลับสุขภาพเรื่องอะไรกันบ้าง ต้องกลับมาติดตามกันต่อ

ติดตามบทความ good food ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

เคล็ดลับควบคุมโรคเบาหวาน กับสุขภาพดีที่ห่างไกลโรงพยาบาลได้จริง

ช่วงนี้บอกเลยว่าถ้าหากใครมีปัญหาสุขภาพก็คงไม่อยากไปโรงพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับเลือด และระดับน้ำตาล เนื่องจากพวกเราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า covid-19 นั้นมีความน่ากลัวจริง ๆ เพราะฉะนั้นถ้าหากใครมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเบาหวานแล้ว ก็ขอแนะนำให้คุณนั้นดูแลสุขภาพอยู่ที่บ้านจะเป็นการดีที่สุด และต้องพยายามควบคุมพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคุณดังต่อไปนี้ เพราะมันจะช่วยคุณลดความเสี่ยงไปโรงพยาบาลได้มากกว่าเดิมหลายเท่าเลยทีเดียว 

1 การนัดรับยาจากทางระบบออนไลน์ 

ในปัจจุบันไม่สามารถปฏิเสธได้บอกว่าความทันสมัยของระบบของการสื่อสารทุกวันนี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหากับผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดีเป็นอย่างมาก โดยถ้าหากคุณมีปัญหาเรื่องสุขภาพ คุณก็ควรที่จะต้องมีเบอร์โทรของโรงพยาบาล และสายด่วนสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานโดยเฉพาะติดตัวไว้ เพราะมันจะทำให้คุณนั้นมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถขอข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตัวเราได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิมเวลาร่างกายเกิดปัญหา ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการรักษาตัว และการดูแลสุขภาพที่บ้าน ที่เหมาะกับเรา 100% 

2 ผลพวงทางอารมณ์เป็นเรื่องที่สำคัญพยายามอย่าเครียด 

ความเครียดกับโรคเบาหวาน นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรที่จะมีร่วมกัน เพราะอาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้ใครหลายคนนั้นเกิดอาการน้ำตาลขึ้น หรือระดับน้ำตาลลดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาการแทรกซ้อนของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่สำหรับผู้ป่วยที่มีระดับน้ำตาลไม่คงที่แล้วก็ขอแนะนำให้คุณนั้นทำจิตใจให้สบาย ด้วยขั้นตอนการทำสมาธิ หรือพยายามอยู่ในพื้นที่ปลอดโปร่งมีธรรมชาติอยู่รอบข้างมันก็จะสามารถช่วยทำให้คุณนั้นผ่อนคลายให้มากกว่าเดิมได้เป็นอย่างดี

3 คุณควรพยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

การดูแลสุขภาพ และการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานนั้นนับได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวเฉพาะจุด โดยไม่หักโหมคุณควรจะเรียนรู้ผ่านทางเว็บไซต์ Google ซึ่งจะสามารถช่วยอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับการออกกำลังกายในการขยับร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากนี้ยังสามารถช่วยให้คุณนั้นสามารถแก้ไขปัญหาอาการอักเสบในบางส่วนได้อีกด้วย โดยการดูแลสุขภาพด้วยท่าที่ถูกต้อง มันจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบของคุณได้อีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว

4 คุณควรใส่ใจในการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม 

สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานขอแนะนำให้คุณนั้นรับประทานข้าวไม่ขัดสี ซึ่งอาหารเหล่านี้จะมีทางด้านคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานโดยตรง นอกจากนั้น ทางเราขอแนะนำให้คุณนั้นรับประทานอาหารประเภทผัก กับเนื้อปลารวมไปถึงเนื้ออกไก่เป็นส่วนใหญ่ มันก็จะสามารถช่วยดูแลสุขภาพของคุณได้ดีเพิ่มเติมขึ้นอีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าจะสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในแต่ละวันได้มากพอสมควร

ถ้าคุณเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีปัญหาทางด้านเบาหวาน หรือระดับน้ำตาลในร่างกาย แล้วก็อยากให้คุณใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องราวของการดูแลสุขภาพ และการพักผ่อนเพราะมันจะทำให้คุณนั้นสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาอาการแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับโรคเบาหวานได้มากเลยทีเดียว

แน่นอนว่าใครหลายคนในช่วงนี้คงไม่อยากไปโรงพยาบาล และถ้าหาเป็นเช่นนั้นแล้ว ทางเราขอแนะนำให้คุณใช้วิธีเหล่านี้ในการดูแลรักษา เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพอยู่ที่บ้านด้วยตัวของคุณเองอย่างง่าย ๆ เพราะไม่มีใครเลยที่จะดูแลคุณได้ดี เท่าตัวของคุณเองอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก https://pixabay.com/

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com 

Categories
good health

มะเร็ง โรคร้ายของผู้หญิง ที่ป้องกันได้

    มะเร็งปากมดลูก เป็นภัยร้ายใกล้ตัวของผู้หญิงอย่างเราๆ ที่ไม่มีใครอยากเป็น เพราะถ้าเป็นแล้ว อาจสายเกินแก้ เพราะมักมีสัญญาณเตือน เช่น ตกขาวมีเลือดปน เบื่ออาหาร เพลีย เลือดออกทางช่องคลอด  เราจึงควรรู้วิธีป้องกันโรคร้ายด้วย วิธีเหล่านี้

1.อาหารการกิน คนที่ร่างกายแข็งแรง ก็ต้องกินอาหารให้ ครบ5หมู่ และทานอาหารให้หลากหลาย ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารที่เพียงพอ พอร่างกายแข็งแรงภูมิคุ้มกันโรคของเราจะดี

Cr.pic; https://www.nationtv.tv/

2. การออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และเป็นการเบิร์นไขมันส่วนเกินแล้ว ยังไม่น่าเชื่อว่าจะช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ เพราะการที่ร่างกายแข็งแรง ทำให้ภูมิคุ้มกันดี ทำให้ไม่เสี่ยงติดโรคทางเพศสัมพันธ์และลดความเสี่ยงติดเชื้อทางโรคติดต่อ และเราแนะนำว่า ให้ออกกำลังกายวันละ 30-45 นาทีต่อวัน หรือสัปดาห์ละอย่างน้อย 3-5 วัน

3. การพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง และควรเข้านอน ตั้งแต่ 4 ทุ่มเป็นต้นไป เพราะกว่าเราจะนอนหลับลึก ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง เพื่อให้โกรกฮอร์โมนหลั่งออกมามากในช่วงตี 1 -ตี2 และทำให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

Cr.pic; https://www.atlanticcanadahealthcare.com/

4. สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในยุคนี้ คือ การจัดการความเครียด เพราะทุกคนล้วนแต่มีความเครียดส่วนตัว แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่เรียกว่า คอร์ติซอล ความเครียดจะไปกดภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายของเราเจ็บป่วยง่าย สังเกตได้จากคนที่เป็นโรคกระเพาะ และคนที่ท้องผูก แสดงว่าเป็นสัญญาณเตือนว่าเรานั้นเครียดโดยไม่รู้ตัว

5. ควันบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นการสูดดมควันที่สูบบุหรี่เองหรือบุหรี่มือสอง มือสาม บุหรี่มือสอง คือ มาจากการสูดดมควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบ ทำให้คนที่ได้รับควันบุหรี่ได้รับสารพิษเต็มๆ เพราะขณะที่เราสูดดมไม่มีตัวกรองสารพิษ ส่วนบุหรี่มือสาม คือ ควันบุหรี่ที่ติดมากับเสื้อผ้า สิ่งของผู้สูบ ควันบุหรี่ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันต่ำ และยังมีงานวิจัยพบว่า ควันบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 2 เท่า

Cr.pic; https://www.bangkokhospital.com/

6. ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก แบ่งเป็น วัคซีนตัวหนึ่งสามารถป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18  ส่วนวัคซีน อีกชนิดสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ถึง 4 สายพันธุ์ นั่นคือ สองสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ แนะนำให้ฉีดช่วงอายุ10-14ปี จะมีปะสิทธิภาพสูงสุด เพราะเป็นการป้องกันการติดเชื้อHPV ก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก วัคซีนนี้จะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ได้แก่ เข็มแรก ฉีดที่กล้ามเนื้อ เข็มที่สอง ฉีดห่างจากเข็มแรก 2 เดือน เข็มที่สามฉีดห่างจากเข็มแรก 6 เดือน แต่หากสาวๆคนไหนที่อายุเกินแล้ว แต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ก็มีประสิทธิภาพเช่นกัน หลังจากฉีดวัคซีนแล้ว ควรตรวจคัดกรองทุกปี

7. ผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ หรือมีอายุถึง 30 ปีขึ้นไป ควรตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูกทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง  แต่ถ้าอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ควรมาตรวจคัดกรอง ปีละ 2 ครั้ง สำหรับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ราคา เริ่มต้นที่3000 บาท สามารถป้องกันได้ถึง 4 สายพันธุ์ ฉีดได้ที่โรงพยาบาลยันฮี

Cr.pic; https://ch9airport.com/

8. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ตอนอายุยังน้อย งดการสูบบุหรี่ เพราะเป็นพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อก่อโรคจนกลายเป็นโรคร้ายได้

    เราจึงควรดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ และควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี หากคุณผู้หญิงอายุมากกว่า 30 ปี ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง เพราะมะเร็งปากมดลูก สามารถรักษาให้หายขาดได้ รวมถึงปัจจุบันมีวัคซีน 2 ชนิดที่สามารถป้องกันโรคนี้ได้

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com