Categories
good health

เคล็ดลับบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

     ในระยะตั้งครรภ์ร่างกายของคุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณ รูปร่าง อาการแพ้ท้องต่างๆที่แสดงออกมา และมีการเพิ่มระดับของฮอร์โมนของผู้หญิง ทำให้ช่วงเวลาตลอดระยะของการตั้งครรภ์ ทำให้คุณแม่มีอาการแพ้ท้องได้ ซึ่งแต่ละคนอาการรุนแรงมากน้อยต่างกัน อาการเหล่านี้ทำให้คุณแม่ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ไม่สะดวกเหมือนที่เคย วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับในการบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งเป็นอาการหลักๆของคุณแม่ตั้งครรภ์ ดังนี้

Cr.pic; https://www.huggies.co.th/

สาเหตุของอาการคลื่นไส้อาเจียนมาจาก

1.การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มมากขึ้นในตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวส่งผลให้อาหารเคลื่อนตัวลงสู่กระเพาะอาหารช้า กระเพาะอาหารจะหลั่งน้ำย่อยซึ่งเป็นกรดออกมากระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน จึงทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน

2. มีฮอร์โมนHCGสูง ซึ่งจะกระตุ้นศูนย์ควบคุมการอาเจียนในสมอง ทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน

3.ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูก หรือตนเอง กลัวการคลอด ความเครียดจากปัญหาในการทำงานหรือปัญหาในครอบครัว

เคล็ดลับในการบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน

Cr.pic; https://www.huggies.co.th/

1.  แนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์และสามี หลีกเสี่ยงอาหารที่มีกลิ่นกลิ่นฉุน เช่น น้ำหอมที่กลิ่นแรงๆ ทุเรียน ปลาร้า กระเทียม หัวหอม เพราะจะกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ ดูแลรักษาความสะอาดของปาก ทั้งเหงือกและฟันและบ้วนปากด้วยน้ำเกลือหรือน้ำอุ่น  เพื่อเพิ่มความอยากอาหาร และป้องกันฟันผุ

Cr.pic; https://www.huggies.co.th/

2. ให้คุณแม่แบ่งการรับประทานอาหารเป็นมื้อเล็กๆ ครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง โดยแบ่งมื้ออาหารหลักเป็น 6 มื้อย่อย เพื่อให้คุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกอยากอาหาร ทำให้ท้องไม่ว่าง กระตุ้นการย่อยอาหาร ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ต้มจับฉ่าย ไก่ผัดขิง ยำหัวปลี แกงจืด อาหารว่างในระยะแพ้ท้อง แล้วมีอาการอาเจียนบ่อย แนะนำให้ทานเป็นขนมปังกรอบและผลไม้ หรือจะเป็นน้ำผลไม้ที่มีน้ำเยอะและคั้นสดด้วยตนเอง เพื่อปราศจากสารกันบูด เช่น แก้วมังกร น้ำส้ม แตงโม  น้ำมะเขือเทศ เพราะจะช่วยให้ผิวขาวอมชมพู และควรดื่มน้ำ 8-10 แก้วต่อวัน น้ำขิงร้อนๆ เพื่อให้กระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดี ผิวไม่แห้งกร้าน

Cr.pic; https://www.huggies.co.th/

3. เวลาพึ่งตื่นนอนตอนเช้า ให้ค่อยๆเปลี่ยนท่านอนมาเป็นนั่งห้อยขาที่เตียงงก่อน แล้วค่อยๆลุก เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด ควรดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว หลังตื่นนอน พร้อมด้วยอาหารว่างก่อนมื้อหลักเป็นขนมปังกรอบหรือขนมปังปิ้ง ก่อนไปปฏิบัติกิจวัตรประจำวันเพื่อเป็นการรักษาระดับน้ำตาลในร่างกาย ในระหว่างวันให้ลดความเครียด ลดความวิตกกังวลต่างๆ และพักผ่อนเพิ่มขึ้น หากสามารถงบในเวลากลางวันได้ซัก 15 นาทีต่อวันจะดีมากค่ะ

    หวังว่าจะเป็นประโยชน์กลับคุณแม่ตั้งครรภ์หลายๆท่านนะคะ เราอยากให้คุณแม่ตั้งครรภ์ลองไปปรับใช้ดูค่ะ รับรองว่าเห็นผลชัดเจนแน่นอน ช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลายครบ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ กระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com 

Categories
good health

รวม 4 เคล็ดลับการดื่มน้ำเพื่อช่วย ในการลดนํ้าหนัก ที่ดีต่อสุขภาพ

    น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการหล่อเลี้ยงชีวิตของสรรพสิ่งทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นดิน,ต้นไม้,สัตว์ หรือแม้กระทั่งมนุษย์เรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงสาวด้วยแล้ว ถ้าขาดน้ำแล้วก็จะทำให้การทำงานของร่างกายผิดปกติไปและจากการศึกษาพบว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยส่งเสริมความจำ และอารมณ์อีกทั้งยังส่งผลต่อการทำงานของสมองด้วย ถ้าหากร่างกายขาดน้ำมาก ๆ

สมองก็จะกระตุ้นให้สร้างสารสื่อประสาทที่จะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอล ส่งผลกับความเครียดเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นในการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายสามารถ ที่จะช่วยคลายความเครียดลงได้ทั้งยังป้องกันการท้องผูก และพัฒนาความจำระยะสั้นได้อีกทั้งป้องกันการเกิดนิ่วได้ด้วย แถมยังช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นและนอนหลับได้ดี และที่สำคัญช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ด้วย

เคล็ดลับการดื่มน้ำเพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก

     ในสมัยก่อนมีคนเชื่อว่าการดื่มน้ำนั้นช่วยส่งเสริมในเรื่องของการลดน้ำหนัก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็คือ 30-59% ของคนที่กำลังพยายามลดความอ้วนนั้นเลือกที่จะดื่มน้ำให้มากกว่าเดิม ซึ่งในงานวิจัยจำนวนมากได้พบว่าการที่ดื่มน้ำมาก ๆ นั้นมีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก และควบคุมน้ำหนักของคนเราเป็นอย่างมาก และเคล็ดลับของการดื่มน้ำเพื่อช่วยในการลดน้ำหนักนั้นมีดังนี้

     1.การดื่มน้ำทำให้เราได้เผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น ในการดื่มน้ำที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ให้เรา โดยร่างกายของเราจะเผาผลาญพลังงานในขณะพัก

      2. การดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารช่วยลดความอยากอาหารได้ ในการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารนั้น จะช่วยลดความอยากในอาหารลงได้ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะมีส่วนที่เป็นจริงอยู่เหมือนกัน แต่จะเกิดขึ้นกับคนที่อยู่ในวัยกลางคน และสูงอายุเท่านั้น ซึ่งจากงานวิจัยนี้เราจะพบว่า การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารนั้นมีประโยชน์กับคนที่อยู่ในวัยกลางคนเท่านั้น แต่การวิจัยในกลุ่มคนหนุ่มสาวกลับไม่แสดงผลลัพธ์ในการลดแคลอรี่ในปริมาณที่น่าพอใจเท่าไหร่

    3. การดื่มน้ำมากขึ้นมีความสัมพันธ์กับการรับแคลอรี่ที่ลดลง น้ำเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี่ซึ่งปกติแล้วจะมีความเกี่ยวข้องกับการได้รับแคลอรี่ที่น้อยลง ซึ่งเป็นเพราะเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ที่มีน้ำตาล และแคลอรี่สูง

    4. ลดความเสี่ยงในการมีน้ำหนักเพิ่ม  ซึ่งได้มีการวิจัยในโรงเรียน โดยมีเป้าหมายที่จะลดจำนวนเด็กที่เป็นโรคอ้วน และยังติดตั้งน้ำพุดื่มได้ในโรงเรียนอีก 17 แห่ง และได้สอนเด็กในห้องเรียนเกี่ยวกับการดื่มน้ำซึ่งผ่านไปหนึ่งปีการศึกษา พบว่าความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วนของเด็กนักเรียนลดลงถึง 31 เปอร์เซ็นต์ ในโรงเรียนที่มีการติดตั้งน้ำพุไว้

    เพราะฉะนั้นน้ำจึงมีประโยชน์มากในการช่วยลดน้ำหนัก และน้ำยังเป็นเครื่องดื่มที่ไร้แคลอรี่ ซึ่งช่วยให้เราได้เผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ลดความอยากอาหารได้หากดื่มก่อนการทานอาหาร แต่จะอย่างไรก็ตาม หากต้องการที่จะลดน้ำหนักของตนให้เห็นผลได้ชัดเจน เราจะต้องออกกำลังกายด้วย ซึ่งถ้าหากจะดื่มน้ำเพียงอย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอ ดังนั้นต้องออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย จึงจะเห็นผลได้อย่างชัดเจน

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

เคล็ดลับกระตุ้นพัฒนาการของทารกในครรภ์

cr.pic:https://th.wikihow.com

 คุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ตั้งแต่มี่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ได้เลยค่ะ เพราะลูกน้อยในครรภ์สามารถรับรู้ถึงความรักและสัมผัสไออุ่นรักจากแม่ได้  ซึ่งลูกน้อยของเราสามารถตอบสนองสัมผัสของแม่ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับอายุครรภ์และสภาพแวดล้อมที่ดี คุณแม่สามารถสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีได้โดยการพูดคุยโต้ตอบกับลูกบ่อยๆ ให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูกน้อย  และถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นคนที่อารมณ์ดี มีความสุข ไม่เครียดบ่อยๆ เท่านี้ก็สามารถพัฒนาเซลล์สมองของลูกน้อยให้เจริญเติบโต และช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา

วิธีสร้างเสริมพัฒนาการลูกน้อยในครรภ์

cr.pic:https://th.wikihow.com

1.พัฒนาการด้านการได้ยิน ประมาณอายุครรภ์ 24 สัปดาห์ขึ้นไป เพราะประสาทสัมผัสและระบบการได้ยินของทารกจะพัฒนาค่อนข้างสมบูรณ์ในช่วงนั้น หลังคลอดเมื่อเปิดเพลงเดิมๆนั้น จะช่วยให้ทารกไม่ร้องกวนและหลับง่ายขึ้น เนื่องจากความเคยชินต่อเสียงเพลงนั้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์เพลงที่ฟังสบาย ๆ แถมยังช่วยบรรเทาความเครียดของคุณแม่ด้วยซึ่งเขาสามารถรับรู้และตอบสนองต่อสิ่งที่อยู่รอบตัวได้

  การส่งเสริมพัฒนาการทารกในอายุครรภ์เท่านี้ สามารถทำได้โดยการใช้เสียงดนตรีที่มีทำนองจังหวะเบาๆ  เปิดเพลงบรรเลงเย็นๆ เช่น เพลงคลาสสิค เพลงไทยเดิม เพลงสไตล์เบาๆ อย่างน้อย ครั้งละ 10-15 นาทีก็เพียงพอแล้ว  และเสียงหนึ่งที่สำคัญต่อลูกไม่แพ้กันก็คือ เสียงของคุณแม่ คุณแม่ควรพูดคุย หรือเล่านิทาน กล่อมลูกน้อยให้นอนหลับฝันดีเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ลูกเกิดความคุ้นเคยและจดจำน้ำเสียงของแม่ได้

ให้คุณแม่พูดคุยกับลูกน้อยในครรภ์ด้วยโทรโข่ง จะทำด้วยตนเองก็ได้โดยใช้แก้วน้ำพลาสติก2ใบ แล้วเจาะรูที่ก้นแก้ว เพื่อร้อยเชือกที่ก้นแก้วทั้งสอง ผูกเชือกที่ก้นแก้วทั้งสอง ให้แก้วทั้งสองอยู่คนละฝั่งกัน เวลาใช้งาน ให้นำแก้วหนึ่งใบมาวางทาบที่ท้อง แก้วอีกฝั่งหนึ่งสำหรับให้คุณแม่พูดคุยกับน้อง มารดาอาจจะนำกระดาษหนังสือพิมพ์มาม้วนให้เป็นรูปกรวย

จากนั้นนำปลายที่กว้างวางลงบนหน้าท้อง แล้วพูดคุยก็โดยผ่านกรวยนั้น อย่างน้อย 10 นาทีต่อครั้ง ควรทำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน เสียงดนตรีจะทำให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่ดีทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสติปัญญา  เสียงที่นุ่มนวล เสียงร้องเพลง จะช่วยให้ลูกน้อยในครรภ์จดจำเสียงนั้นได้ดีขึ้น

cr.pic:https://th.wikihow.com

2.พัฒนาการด้านความรู้สึกและความเคลื่อนไหว เมื่ออายุครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ขึ้นไป ระบบประสาททางการเคลื่อนไหวของทารก จะสามารถรับรู้การสัมผัสของมารดาซึ่งการลูบหน้าท้องและนั่งบนเก้าอี้โยก หรือชิงช้า คุณแม่เองก็จะรู้สึกผ่อนคลายขณะนั่งเล่นบนเก้าอี้โยกและรู้สึกผูกพันกับลูกน้อยขณะลูบหน้าท้องตนเอง โดยเฉพาะขณะที่คุณแม่ขยับตัวหรือลูบและสัมผัสทารกในครรภ์ ผิวของลูกน้อยจะสัมผัสกับผนังหน้าท้องด้านในของมดลูก จะเป็นการกระตุ้นพัฒนาการด้านความรู้สึกการนั่งบนเก้าอี้โยกไปมานั้น

นอกจากเป็นการกระตุ้นเซลล์สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวแล้ว ยังทำให้ลูกน้อยของเราได้ปรับตัวเข้าหาสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น. การลูบหน้าท้องก็เช่นกัน ทารกจะมีการเคลื่อนไหวและการได้รับสัมผัสเวลาที่อยู่ในครรภ์ในทุกสัมผัสที่เกิดขึ้น จะเพิ่มประสิทธิภาพและความไวในการรับรู้ของทารก การสัมผัสน้ำอุ่นน้ำเย็น เพื่อพัฒนาเชลล์ประสาทส่วนรับความรู้ร้อนหนาวและปรับสภาพ ให้ทารกชินกับความอุ่นความเย็น โดยเอาน้ำใสในขวดสัมผัสตามหน้าท้องของมารดาเป็นเวลาสองนาที

cr.pic:https://th.wikihow.com

3. พัฒนาการด้านการมองเห็นทารกจะพัฒนาเต็มที่ และรับรู้ผ่านการมองเห็นได้เมื่ออายุครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไป ทางการแพทย์จะใช้แสงสว่างส่องเข้าไปทางปากมดลูก เพื่อดูการตอบสนองการเต้นของหัวใจและทดสอบความแข็งแรงสมบูรณ์ของทารกในครรภ์ ถ้าการเต้นของหัวใจทารกเร็วขึ้นตอนส่องไฟ แสดงว่าทารกตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมดี และมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ใช้ไฟฉายส่องบริเวณหน้าท้องจะกระตุ้นพัฒนาการทางด้านการมองเห็นนี้ จะเป็นการกระตุ้นพัฒนาการมองเห็นของทารก

    อย่างไรก็ตาม พัฒนาการของทารกในครรภ์ เป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะคุณพ่อและคุณแม่ ควรศึกษาเกี่ยวกับการกระตุ้นพัฒนาการลูกน้อยตั้งแตในครรภ์ และปฏิบัติอย่างถูกต้อง การได้อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นในครอบครัว และสามารถถ่ายทอดความรักความห่วงใยไปสู่ลูกน้อยได้มากขึ้นเช่นกันส่งผลดีต่อลูกในครรภ์ให้ร่าเริง แจ่มใส  ฉลาดหลักแหลม สามารถมีพัฒนาการด้านต่างๆได้ดี

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com 

Categories
good health

กู้ดไนท์! นักวิทยาศาสตร์เข้าใกล้การปลดล็อคให้ทุกคนฝันดี

คุณเคยฝันหรือเปล่า? แน่นอนทุกคนเคยฝัน

แต่คุณเคยควบคุมความฝันตัวเองได้หรือเปล่า เคยตื่นในฝันแล้วอุทานว่านี่เรากำลังฝันอยู่นี่นา หรือเปล่า?

50% ของพวกเรามีประสบการณ์ในการตื่นในความฝัน และหลังจากนั้นจะสามารถควบคุมความฝันได้บางส่วนหรือทั้งหมด คนที่มีประสบการณ์นี้โดยส่วนใหญ่ต่างชื่นชอบมันเพราะว่าเหมือนอยู่ในโลกเสมือนจริงที่สามารถกำหนดสิ่งต่างๆได้เอง

แต่น่าเสียดายที่แม้มันจะเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่คนที่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ อาจได้รับมันเพียงหนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้นในชีวิต

เรื่องนี้ฟังดูเหมือนเรื่องลี้ลับหรือสิ่งเหนือธรรมชาติที่คนทั่วไปก็เพียงแต่รอคอยว่าจะได้มีประสบการณ์แบบนี้สักครั้ง หรืออีกครั้ง

นอนหลับชาย

แต่ไม่เป็นอย่างนั้นกับ Lucidity Institute สถาบันที่มีชื่อตรงตัวว่าความชัดเจน ที่มาจากคำว่า Lucid dream ที่แปลว่าฝันอย่างรู้ตัว(ชัดเจน) ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1987 ที่มุ่งศึกษาการฝันของคนเราโดยรวมไปถึงระบบประสาทและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ทำให้เราฝัน

เร็วๆนี้นักวิจัยพบความเชื่อมโยงของของการใช้ยากาแลนตามีน (Galantamine)ที่ใช้ช่วยในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ กับการควบคุมความฝัน

ตัวยาโดยตัวมันเองไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาด แต่ช่วยกระตุ้นการเพิ่มความจำ การตระหนักรู้ ทำให้คนเป็นอัลไซเมอร์สามารถใช้ขีวิตประจำวันได้ดีขึ้น โดยฤทธิ์ของตัวยาทำงานโดยตรงกับสารสื่อประสาทภายในสมอง

และเมื่อมันช่วยกระตุ้นความสามารถของสมองในการตระหนักรู้ได้ ดังนั้นก็อาจมีผลกับการทำให้เกิดการตระหนักรู้ตัวเองในระหว่างการฝันได้

สถาบัน ลูซิดดิตี้

สถาบัน Lucidity ได้ทำการทดลองกับอาสาสมัคร 121 คนเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างยากาแลนตามีน กับการควบคุมฝัน

โดยที่อาสาสมัครเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป พวกเขาคือกลุ่มคนที่ผ่านการฝึกฝนในโปรแกรมของสถาบันในการควบคุมควมฝันของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาคือกลุ่มคนที่มีอัตราการควบคุมความฝันได้มากกว่าคนทั่วไปอยู่มากอยู่แล้ว

การทดลองจัดขึ้นเป็นเวลาต่อเนื่องสามวัน โดยเริ่มต้นด้วยด้วยเม็ดยาหลอกก่อน จากนั้นถัดไปอีกวันได้รับกาแลนตามีน 4 มิลลิกรัม และในวันสุดท้ายรับยาเพิ่มเป็น 8 มิลลิกรัม

โดยที่พวกเขาจะใช้เวลาประมาณ4.5ชั่วโมงหลังดับไฟไปแล้วปฏิบัติตามเทคนิคที่ฝึกฝนมา แล้วจึงรับยาและนอนหลับ

ผลการทดลองน่าสนใจมาก เพราะในคืนแรก 14 เปอร์เซ็นของผู้เข้ารับการทดสอบรายงานว่าเกิดลูซิดดรีม หรือรู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่ ในขณะที่คืนที่สองมีเพิ่มขึ้นถึง 27 มิลลิกรัมเมื่อมีตัวยาเข้าช่วยที่ 4 มิลลิกรัม และในคืนสุดท้ายที่มียาเพิ่มเป็น 8 มิลลิกรัม จำนวนผู้ที่รู้ตัวขณะฝันมีมากถึง 42 เปอร์เซ็นต์

ฝันดี

แน่นอนว่าถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่คนทั่วไป พวกเขาฝึกฝนมาเพื่อรับรู้ประสบการณ์การควบคุมความฝัน แต่ว่าการที่ความสามารถในการตื่นขณะฝันได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญบ่งบอกว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการทดลอง และเข้าใกล้กับการไขความลับของการควบคุมความฝัน

ใครจะทราบว่าต่อจากนี้เทคโนโลยีนี้จะทำให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง การทบทวนความจำระหว่างการฝัน อย่างที่เห็นในหนังไซไฟอาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

วันหนึ่งข้างหน้า การบอกว่า “ฝันดีนะ” ก่อนนอน อาจจะไม่ใช่แค่การอวยพร แต่หมายถึง “ฝันดี” อย่างแน่นอนก็เป็นไปได้

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

เช็คด่วนสุขภาพจิต 4 อาการ พบเป็นจำนวนมากในคนไทย มีใครบ้างเป็นกลุ่มเสี่ยง

ความจริงที่น่ากังวลใจการระบาดของไวรัสโควิค 19 ในปัจจุบันนั้นยังไม่คลี่คลายเลย ซึ่งบอกได้เลยว่าผ่านมาแล้ว 20 กว่าเดือน ในช่วงเวลาปัจจุบันได้ทำร้ายหลายชีวิต ซึ่งทำให้ผู้ที่ติดเชื้อนั้นเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด นั่นก็คือปัญหาภาพรวมในปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่กำลังพบเจออยู่ บอกเลยว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแต่อย่างใด และมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากมายจนหลายคนควรจะสังเกตตัวเอง และควรระวัง ว่าคุณนั้นมีอาการเหล่านี้หรือไม่ ถ้าหากมีอาการจะได้ป้องกัน และรักษาได้อย่างทันท่วงที

1. มีสภาวะความเครียดสูง

สำหรับท่านใดที่มีสภาวะทางด้านอารมณ์ และจิตใจอยู่ในความเครียดที่สูง เพราะว่ามีความกดดันเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจรวมไปถึงการทำงาน  ขอแนะนำให้คุณนั้นพยายามทำจิตใจให้สงบ ด้วยการหากิจกรรมยามว่าง วิธีนี้จะสามารถช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิ ดูหนัง ฟังเพลง หรือทำอาหาร สิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยลดระดับความเครียดลงไปได้ และสามารถช่วยควบคุมฮอร์โมนในร่างกายได้อีกด้วย

2. ความเสี่ยงอาการโรคซึมเศร้า

สำหรับคนไทยอาการนี้น่ากังวลมากที่สุด เพราะส่วนใหญ่จะมีอาการในลักษณะนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งวิธีการแก้สุขภาพจิตเกี่ยวกับโรคซึมเศร้านั่นก็คือการเข้าสู่สังคมบำบัด จะเป็นวิธีการบอกเล่าเรื่องราวที่มีความทุกข์เก็บกดภายในใจออกไป วิธีนี้สามารถช่วยทำให้อาการเหล่านั้นทุเลาลงได้ และควรจะติดต่อทางแพทย์โดยเร็ว เพราะว่าสามารถช่วยแก้ไขได้ง่ายกว่าการปล่อยไว้เป็นระยะเวลานาน

3. สภาวะอารมณ์แปรปรวนเสี่ยงฆ่าตัวตาย

สำหรับผู้มีความเครียด และหมดหนทางในการใช้ชีวิตสุขภาพจิตในปัจจุบัน สำหรับคนกลุ่มนี้ควรไปพบแพทย์โดยด่วน บอกเลยว่าเสี่ยงต่อการเสียชีวิต และคิดฆ่าตัวตายเป็นอย่างมากวิธีการแก้ที่ดีที่สุด นั่นก็คือการพบจิตแพทย์บำบัดรวมไปถึงรับยาจากคุณหมอ และพยายามให้เวลากับตัวเองมองดูแลมุมโลกที่สวยงาม จะทำให้อาการเหล่านี้เบาบางลงได้ และลดความเครียดพร้อมทางลดอาการความเสี่ยงการฆ่าตัวตายในปัจจุบัน

4. ปัญหาชีวิตรู้สึกหมดไฟในการใช้ชีวิต และการทำงาน

เชื่อถือว่าทุกคนน่าจะเคยมีอาการแบบนี้กับมาบ้าง แต่ถ้าหากผิดพลาดหรือไม่ประสบความสำเร็จแบบต่อเนื่องกัน อันนี้ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้สุขภาพจิตทางด้านอารมณ์ของคุณนั้นหมดกำลังใจ และการใช้ชีวิตไปโดยปริยาย ซึ่งจะส่งผลต่อความเจริญก้าวหน้าทางด้านอาชีพการงานของคุณอย่างแน่นอน วิธีการแก้คือ แนะนำให้คุณให้เวลากับตัวเองสัก 1 วัน มองหามุมที่สามารถพัฒนาตัวเองได้ และพยายามค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยเหลือคุณได้ในเวลา 24 ชั่วโมงนั้นคุณจะพบคำตอบที่ยอดเยี่ยมให้กับตัวเองอย่างแน่นอน วิธีนี้แก้ง่าย และช่วยได้จริง

สรุป

ความเครียดสำหรับคนไทยถือว่าเป็นเรื่องที่อันตราย ไม่น้อยกว่าปัญหาโควิค 19 ในปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากคุณเข้าใจถึงปัญหา คุณก็จะสามารถจัดการเกี่ยวกับสุขภาพจิต และความคิดของคุณได้ ในบทความนี้หวังว่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยดูแลคุณทางอ้อมได้เช่นเดียวกัน ขอให้ทุกคนโชคดี

ขอขอบคุณภาพจาก  https://pixabay.com/

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com 

Categories
good health

ข้อเสียของการใส่นาฬิกา smart watch ขณะวิ่ง

ในปัจจุบันนี้การออกกำลังกายกลายเป็นกิจกรรมยอดฮิตของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะการวิ่งกลายเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถสังเกตได้จากงานวิ่งที่มีการจัดตลอดทุกเดือนในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด และเมื่อปีที่ผ่านมาช่วงที่การแพร่ระบาดของโรคโควิดในประเทศไทยซาลง ก็มีงานวิ่งถูกจัดขึ้นมาบ้าง

ภาพจาก Pexels

การวิ่งเป็นกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจระบบไหลเวียนโลหิตสามารถทำงานได้ดีมากขึ้นและที่สำคัญยังเป็นการเอาชนะใจตัวเองอีกด้วย แต่ว่าปัจจุบันการที่มีอินเทอร์เน็ตเข้ามาทำให้การวิ่งนั้นเป็นเหมือนการแข่งขันมากขึ้น ผู้คนที่วิ่งมากมายต่างมีการแชร์ระยะทางหรือเวลาที่วิ่งทุกครั้งที่ได้ออกไปวิ่งเป็นประจำ ซึ่งกลายเป็นเทรนด์ของนักวิ่งเกือบทุกคนเลยก็ว่าได้ โดยการจับระยะทางและเวลานั้นจะต้องมีการสวมนาฬิกา smart watch ไว้ที่ข้อมือหรือพกโทรศัพท์ขณะวิ่งเพื่อให้มีการจัดระยะทางและเวลารวมไปถึงข้อมูลอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการก้าวโดยเฉลี่ย ซึ่งการที่พกอุปกรณ์เหล่านี้ขณะที่วิ่งก็จะทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ดีมากขึ้น แล้วสามารถนำเอาสถิติของเราไปแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้เห็นลงบน Social Media

แต่ในทางกลับกันนาฬิกา smart watch ก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้การออกกำลังกายกลายเป็นสิ่งที่ฝืนศักยภาพของร่างกายตัวเองแล้วหมดความสนุกไป เมื่อเราเห็นตัวเลขจากสถิติของเพื่อนก็จะเกิดการเปรียบเทียบและก็เป็นสิ่งที่ผลักดันที่จะทำให้รู้สึกว่าต้องทำให้ดีกว่าเพื่อน ซึ่งบางครั้งมันก็กลายเป็นความตึงเครียดมากกว่าความสนุกในการออกกำลังกายและเมื่อผลักดันเกินศักยภาพของตัวเองก็อาจจะมีแนวโน้มที่จะทำให้ได้รับอาการบาดเจ็บได้นั่นเอง

ภาพจาก Pexels

ซึ่งในปัจจุบันนี้การออกกำลังกายที่ดูเหมือนสนุกและให้ความเพลิดเพลิน ก็กลายเป็นการแข่งขันกับคนอื่นด้วยสถิติเวลาโดย Eoin Whelan ผู้ที่เป็นอาจารย์อาวุโสด้านระบบข้อมูลธุรกิจที่ National University ของประเทศไอร์แลนด์ได้มีการเปิดเผยงานวิจัยของเขากับสื่อข่าว CNN ว่า “ในปัจจุบันนี้คนจำนวนมากมายสนุกกับการใช้นาฬิกา smart watch หรือแอปต่าง ๆ บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนไปกับการเก็บข้อมูลและนำมาแชร์บนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันบางครั้งเมื่อเห็นนักวิ่งที่วิ่งเร็วกว่าก็ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ที่ทำไม่ได้เท่าเขา” ยิ่งไปกว่านั้น Eoin Whelan ยังบอกอีกด้วยว่าผู้คนที่ยึดติดกับการใส่นาฬิกาข้อมือหรือการมีอุปกรณ์พกพาเพื่อจับสถิติมีแนวโน้มจะไม่ออกกำลังกายถ้าหากว่าไม่มีอุปกรณ์เหล่านั้นติดตัวไปด้วย

ภาพจาก Pexels

ถึงแม้ว่าการใส่นาฬิกา smart watch เพื่อตรวจสอบสถิติต่าง ๆ ในการออกกำลังกายจะส่งผลดีทางด้านการพัฒนาการของร่างกายแต่ข้อเสียของมันก็คือบางครั้งอาจจะทำให้เกิดการออกกำลังกายเกินศักยภาพของตัวเอง ดังนั้นบางครั้งการไปออกกำลังกายก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่นาฬิกาข้อมือเสมอไปหรือถ้าใส่ก็อาจจะเว้นช่วงในการดูนาฬิกามากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดการกดดันมากเกินไปนั่นเอง

ข้อมูลจาก CNN

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

เคล็ดลับควบคุมโรคเบาหวาน กับสุขภาพดีที่ห่างไกลโรงพยาบาลได้จริง

ช่วงนี้บอกเลยว่าถ้าหากใครมีปัญหาสุขภาพก็คงไม่อยากไปโรงพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับเลือด และระดับน้ำตาล เนื่องจากพวกเราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า covid-19 นั้นมีความน่ากลัวจริง ๆ เพราะฉะนั้นถ้าหากใครมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเบาหวานแล้ว ก็ขอแนะนำให้คุณนั้นดูแลสุขภาพอยู่ที่บ้านจะเป็นการดีที่สุด และต้องพยายามควบคุมพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคุณดังต่อไปนี้ เพราะมันจะช่วยคุณลดความเสี่ยงไปโรงพยาบาลได้มากกว่าเดิมหลายเท่าเลยทีเดียว 

1 การนัดรับยาจากทางระบบออนไลน์ 

ในปัจจุบันไม่สามารถปฏิเสธได้บอกว่าความทันสมัยของระบบของการสื่อสารทุกวันนี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหากับผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดีเป็นอย่างมาก โดยถ้าหากคุณมีปัญหาเรื่องสุขภาพ คุณก็ควรที่จะต้องมีเบอร์โทรของโรงพยาบาล และสายด่วนสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานโดยเฉพาะติดตัวไว้ เพราะมันจะทำให้คุณนั้นมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถขอข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตัวเราได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิมเวลาร่างกายเกิดปัญหา ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการรักษาตัว และการดูแลสุขภาพที่บ้าน ที่เหมาะกับเรา 100% 

2 ผลพวงทางอารมณ์เป็นเรื่องที่สำคัญพยายามอย่าเครียด 

ความเครียดกับโรคเบาหวาน นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรที่จะมีร่วมกัน เพราะอาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้ใครหลายคนนั้นเกิดอาการน้ำตาลขึ้น หรือระดับน้ำตาลลดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาการแทรกซ้อนของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่สำหรับผู้ป่วยที่มีระดับน้ำตาลไม่คงที่แล้วก็ขอแนะนำให้คุณนั้นทำจิตใจให้สบาย ด้วยขั้นตอนการทำสมาธิ หรือพยายามอยู่ในพื้นที่ปลอดโปร่งมีธรรมชาติอยู่รอบข้างมันก็จะสามารถช่วยทำให้คุณนั้นผ่อนคลายให้มากกว่าเดิมได้เป็นอย่างดี

3 คุณควรพยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

การดูแลสุขภาพ และการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานนั้นนับได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวเฉพาะจุด โดยไม่หักโหมคุณควรจะเรียนรู้ผ่านทางเว็บไซต์ Google ซึ่งจะสามารถช่วยอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับการออกกำลังกายในการขยับร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากนี้ยังสามารถช่วยให้คุณนั้นสามารถแก้ไขปัญหาอาการอักเสบในบางส่วนได้อีกด้วย โดยการดูแลสุขภาพด้วยท่าที่ถูกต้อง มันจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบของคุณได้อีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว

4 คุณควรใส่ใจในการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม 

สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานขอแนะนำให้คุณนั้นรับประทานข้าวไม่ขัดสี ซึ่งอาหารเหล่านี้จะมีทางด้านคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานโดยตรง นอกจากนั้น ทางเราขอแนะนำให้คุณนั้นรับประทานอาหารประเภทผัก กับเนื้อปลารวมไปถึงเนื้ออกไก่เป็นส่วนใหญ่ มันก็จะสามารถช่วยดูแลสุขภาพของคุณได้ดีเพิ่มเติมขึ้นอีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าจะสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในแต่ละวันได้มากพอสมควร

ถ้าคุณเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีปัญหาทางด้านเบาหวาน หรือระดับน้ำตาลในร่างกาย แล้วก็อยากให้คุณใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องราวของการดูแลสุขภาพ และการพักผ่อนเพราะมันจะทำให้คุณนั้นสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาอาการแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับโรคเบาหวานได้มากเลยทีเดียว

แน่นอนว่าใครหลายคนในช่วงนี้คงไม่อยากไปโรงพยาบาล และถ้าหาเป็นเช่นนั้นแล้ว ทางเราขอแนะนำให้คุณใช้วิธีเหล่านี้ในการดูแลรักษา เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพอยู่ที่บ้านด้วยตัวของคุณเองอย่างง่าย ๆ เพราะไม่มีใครเลยที่จะดูแลคุณได้ดี เท่าตัวของคุณเองอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก https://pixabay.com/

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com 

Categories
good health

มะเร็ง โรคร้ายของผู้หญิง ที่ป้องกันได้

    มะเร็งปากมดลูก เป็นภัยร้ายใกล้ตัวของผู้หญิงอย่างเราๆ ที่ไม่มีใครอยากเป็น เพราะถ้าเป็นแล้ว อาจสายเกินแก้ เพราะมักมีสัญญาณเตือน เช่น ตกขาวมีเลือดปน เบื่ออาหาร เพลีย เลือดออกทางช่องคลอด  เราจึงควรรู้วิธีป้องกันโรคร้ายด้วย วิธีเหล่านี้

1.อาหารการกิน คนที่ร่างกายแข็งแรง ก็ต้องกินอาหารให้ ครบ5หมู่ และทานอาหารให้หลากหลาย ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารที่เพียงพอ พอร่างกายแข็งแรงภูมิคุ้มกันโรคของเราจะดี

Cr.pic; https://www.nationtv.tv/

2. การออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และเป็นการเบิร์นไขมันส่วนเกินแล้ว ยังไม่น่าเชื่อว่าจะช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ เพราะการที่ร่างกายแข็งแรง ทำให้ภูมิคุ้มกันดี ทำให้ไม่เสี่ยงติดโรคทางเพศสัมพันธ์และลดความเสี่ยงติดเชื้อทางโรคติดต่อ และเราแนะนำว่า ให้ออกกำลังกายวันละ 30-45 นาทีต่อวัน หรือสัปดาห์ละอย่างน้อย 3-5 วัน

3. การพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง และควรเข้านอน ตั้งแต่ 4 ทุ่มเป็นต้นไป เพราะกว่าเราจะนอนหลับลึก ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง เพื่อให้โกรกฮอร์โมนหลั่งออกมามากในช่วงตี 1 -ตี2 และทำให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

Cr.pic; https://www.atlanticcanadahealthcare.com/

4. สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในยุคนี้ คือ การจัดการความเครียด เพราะทุกคนล้วนแต่มีความเครียดส่วนตัว แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่เรียกว่า คอร์ติซอล ความเครียดจะไปกดภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายของเราเจ็บป่วยง่าย สังเกตได้จากคนที่เป็นโรคกระเพาะ และคนที่ท้องผูก แสดงว่าเป็นสัญญาณเตือนว่าเรานั้นเครียดโดยไม่รู้ตัว

5. ควันบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นการสูดดมควันที่สูบบุหรี่เองหรือบุหรี่มือสอง มือสาม บุหรี่มือสอง คือ มาจากการสูดดมควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบ ทำให้คนที่ได้รับควันบุหรี่ได้รับสารพิษเต็มๆ เพราะขณะที่เราสูดดมไม่มีตัวกรองสารพิษ ส่วนบุหรี่มือสาม คือ ควันบุหรี่ที่ติดมากับเสื้อผ้า สิ่งของผู้สูบ ควันบุหรี่ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันต่ำ และยังมีงานวิจัยพบว่า ควันบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 2 เท่า

Cr.pic; https://www.bangkokhospital.com/

6. ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก แบ่งเป็น วัคซีนตัวหนึ่งสามารถป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18  ส่วนวัคซีน อีกชนิดสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ถึง 4 สายพันธุ์ นั่นคือ สองสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ แนะนำให้ฉีดช่วงอายุ10-14ปี จะมีปะสิทธิภาพสูงสุด เพราะเป็นการป้องกันการติดเชื้อHPV ก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก วัคซีนนี้จะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ได้แก่ เข็มแรก ฉีดที่กล้ามเนื้อ เข็มที่สอง ฉีดห่างจากเข็มแรก 2 เดือน เข็มที่สามฉีดห่างจากเข็มแรก 6 เดือน แต่หากสาวๆคนไหนที่อายุเกินแล้ว แต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ก็มีประสิทธิภาพเช่นกัน หลังจากฉีดวัคซีนแล้ว ควรตรวจคัดกรองทุกปี

7. ผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ หรือมีอายุถึง 30 ปีขึ้นไป ควรตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูกทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง  แต่ถ้าอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ควรมาตรวจคัดกรอง ปีละ 2 ครั้ง สำหรับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ราคา เริ่มต้นที่3000 บาท สามารถป้องกันได้ถึง 4 สายพันธุ์ ฉีดได้ที่โรงพยาบาลยันฮี

Cr.pic; https://ch9airport.com/

8. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ตอนอายุยังน้อย งดการสูบบุหรี่ เพราะเป็นพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อก่อโรคจนกลายเป็นโรคร้ายได้

    เราจึงควรดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ และควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี หากคุณผู้หญิงอายุมากกว่า 30 ปี ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง เพราะมะเร็งปากมดลูก สามารถรักษาให้หายขาดได้ รวมถึงปัจจุบันมีวัคซีน 2 ชนิดที่สามารถป้องกันโรคนี้ได้

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good food

8 เมนูอาหารช่วยลดความดันโลหิตสูง

การเลือกทานอาหาร มีส่วนสำคัญมากในการช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ดี การที่เราเลือกสรรทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสม แม้ว่าเราจะป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้วก็ตามที ก็จะช่วยลดและควบคุมระดับความดันโลหิตของเราได้ดีขึ้น ในบทนี้จึงขอแนะนำเมนูอาหารที่ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้มาฝากสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง และยังไม่ป่วยก็สามารถติดตามกันได้ ใครอยากทราบแล้วว่า มีเมนูอาหารอะไรบ้าง เรามาติดตามกันเลย

  1. กระเทียม นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นิยมใช้ในการช่วยลดและควบคุมระดับความดันโลหิตกันในปัจจุบัน ได้มีผลการวิจัยค้นคว้าสรรพคุณของกระเทียม ในการช่วยลดระดับความดันโลหิตของกระเทียม  ได้ผลปรากฏออกมาว่า กระเทียมช่วยในการเพิ่มปริมาณสารไนตริกออกไซด์ในร่างกาย ซึ่งจะเข้าไปช่วยกระตุ้นหลอดเลือดให้เกิดการขยายตัว และส่งผลให้ระดับความดันโลหิตลดลงได้
  2. น้ำมันมะกอก เป็นไขมันดีที่อุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล (Polyphenols) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมีระดับความดันโลหิตลดลงได้ แต่ว่าอย่างไรก็ตาม แม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงก็ตาม  แต่ถ้าหากเราบริโภคมากจนเกินไปอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ดังนั้นควรทานในปริมาณที่พอสมควร
  • ดาร์กช็อกโกแลต เป็นช็อกโกแลตที่ประกอบไปด้วยโกโก้กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำตาลน้อยกว่าปกติ มีผลการศึกษาวิจัย พบว่า ผู้บริโภคดาร์กช็อกโกแลตมีระดับความดันโลหิตตัวบนลดลงโดยเฉลี่ยถึง 3 มิลลิเมตรปรอท ระดับความดันโลหิตตัวล่างลดลงโดยเฉลี่ยถึง 2 มิลลิเมตรปรอท การทานดาร์กช็อกโกแลตจึงอาจเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยลดระดับความดันโลหิตลงได้ และควรทานไม่เกิน 100 กรัมต่อวัน
  • ปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง อย่างเช่น ปลาแซลมอนปลาแมคเคอเรล ที่อุดมไปด้วยโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีสรรพคุณช่วยลดระดับความดันโลหิต และลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้
  • เมล็ดพืชและถั่ว เมล็ดพืช อย่างเช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทองแบบไม่โรยเกลือ เต็มไปด้วยโพแทสเซียม แมกนีเซียม ใยอาหาร และสารพฤกษเคมีต่าง ๆ ซึ่งช่วยลดระดับความดันโลหิตได้ นอกจากนั้น ประเภทถั่ว ถั่วพิสตาชิโอ นั้นถือเป็นอีกหนึ่งอาหารที่มีสรรพคุณในด้านนี้ด้วยเช่นกัน
  • นมพร่องมันเนยและโยเกิร์ต ถือว่าเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี และมีไขมันต่ำอีกด้วย โดยมีผลการวิจัยของสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริการะบุไว้ว่า จากการทดลองผู้หญิงที่รับประทานโยเกิร์ต 5 หน่วยบริโภคขึ้นไปต่อสัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ถึงร้อยละ 20 ทีเดียว แต่ว่าเราควรตรวจสอบปริมาณน้ำตาลที่เติมลงไปบนฉลากบรรจุภัณฑ์ก่อนที่จะซื้อมาทานทุกครั้งด้วย เนื่องจากการเติมน้ำตาลเข้าไปในปริมาณมากอาจกลายเป็นโทษต่อร่างกายมากกว่าที่จะเป็นประโยชน์
  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ เป็นต้น โดยเฉพาะบลูเบอร์รี่นั้นมีสารอาหารที่สำคัญอย่างสารฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า การบริโภคบลูเบอร์รี่มีส่วนช่วยป้องกันความดันโลหิตสูง และลดระดับความดันโลหิตลงได้ด้วย
  • ผักใบเขียว ในผักใบเขียวที่เราทานมีโพแทสเซียมซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเไตขับโซเดียมออกมาผ่านทางปัสสาวะ และปรับปริมาณโซเดียมภายในร่างกายให้เกิดความสมดุล ทำให้ระดับความดันโลหิตลดลงได้ โดยผักใบเขียวที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม เช่น ผักกาด คะน้า

ปวยเล้ง เป็นต้น

นี่ก็คือ 8 เมนูอาหารที่ช่วยลดระดับความดันโลหิตสูงได้ ใครที่โป่วยเป็นความดันโลหิตสูงอยู่ ลองนำไปเป็นเมนูที่เลือกทานในแต่ละมื้อกันดู แล้วในบทหน้าเรามาพบกันใหม่กับเรื่องสุขภาพที่จะนำมาฝากกันต่อได้อีกในทุกสัปดาห์จะนำเรื่องสุขภาพอะไรมาฝากกันอีก ต้องติดตาม

ติดตามบทความ good food ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com

Categories
good health

เสพติดซีรีย์ อันตรายต่อสุขภาพโดยตรง 

การดูซีรีย์แบบไม่รู้จบ เป็นเรื่องราวที่น่ากังวลใจสำหรับคนไทยยุคสมัยใหม่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหนังที่เรื่องยาวในการดูตอนที่คุณว่าง และพักผ่อน คุณเชื่อไหมว่าประมาณ 80% ถ้าหากเป็นผู้ที่ดูหนังซีรีย์อย่างชื่นชอบมักจะไม่ดูเรื่องเดียว ซึ่งกินเวลาพักผ่อนเป็นจำนวนมาก และทำให้ใครหลาย ๆ คนนั้น ถูกขโมยสุขภาพไปโดยไม่รู้ตัว และนี่ก็คืออาการที่จะเกิดขึ้นสำหรับร่างกายของคุณ ถ้าหากคุณดูซีรีส์เรื่องโปรดของคุณมากเกินไป 

1. ดูซีรีย์มากจนเกินไป 2 ชั่วโมงยังไม่จบ 

สำหรับท่านใดที่ดูหนังซีรีย์แบบระยะยาว 2 ชั่วโมงยังไม่จบ ขอบอกเลยว่าคุณนั้นควรจะตั้งเวลา เพื่อที่จะให้ร่างกายของคุณพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ คุณทราบไหมว่าอาการแบบนี้ อาจจะทำให้ระบบการทำงานของคุณในร่างกายนั้นทำงานแปรปรวน และร่างกายทรุดโทรมก่อนวัยอันควรได้ ซึ่งเราอยากจะแนะนำให้คุณนั้นพยายามหาช่วงเวลาพักผ่อนให้มากยิ่งขึ้น อย่างน้อยคุณควรจะใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพ

ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารที่มีประโยชน์ และตรงเวลา หรือจะเป็นการพักผ่อนที่เพียงพอกับร่างกาย รวมไปถึงการออกกำลังกายในช่วงเวลาต่าง ๆ เป็นส่วนช่วยให้ร่างกายคุณนั้นแข็งแรงได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน ดีกว่าคุณจะไปนั่งดูซีรีย์ 2 – 3 ชั่วโมงต่อเนื่องกัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างแท้จริง 

 2. ทำให้จอประสาทตา และระบบการทำงานทางด้านสมองแปรปรวน 

คุณเคยคิดไหมว่าช่วงเวลาที่คุณดูหนังซีรีย์ระยะเวลานาน ในบางครั้งคุณเริ่มรู้สึกอ่อนล้าทางด้านดวงตา และระบบการทำงานของระบบประสาทรวมถึงสมองนั้นแปรปรวน เหตุการณ์เหล่านั้นมีผลงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์อ้างอิงเป็นจำนวนมาก ที่กล่าวอ้างว่าระบบการทำงานของร่างกายจะทำงานมากจนเกินไป

ซึ่งเป็นระบบการสั่งการที่สมองของคุณรับข้อมูลข่าวสาร และภาพเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการอ่อนล้าอ่อนเพลียได้ของทั้งดวงตา และระบบประสาทรวมถึงสมอง เพราะฉะนั้นถ้าหากเกิดปัญหาเหล่านั้นขึ้นคุณควรหยุดการดูซีรีย์ระยะยาวไปสักระยะ ร่างกายคุณจะกลับมาสุขภาพดีขึ้นเอง 

3.ส่งผลกับระบบกระเพาะอาหาร และทำให้คุณอ้วนได้ 

สิ่งนี้เป็นอีกหนึ่งอย่างที่คุณอาจจะแทบไม่เชื่อเลยว่ามันเกิดขึ้นได้จริง คือการดูหนังซีรีย์ในระยะเวลาที่ยาวนาน สามารถส่งผลโดยตรงต่อกระเพาะอาหารของคุณได้ และสามารถทำให้คุณอ้วนได้อีกด้วย ร่างกายของคุณนั้นในเวลาช่วงตอนกลางคืนหรือช่วงยามเวลาว่าง ระบบการทำงานในร่างกายคุณต้องการการพักผ่อนเพื่อจะเผาผลาญไขมันส่วนเกิน

หรือปรับสมดุลของร่างกาย คนส่วนใหญ่ที่ดูหนังซีรีย์เป็นระยะเวลายาวนานก็คงจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ระบบการเผาผลาญน่าจะทำงานได้แย่ลง และทำให้คุณเกิดปัญหาทางด้านความอ้วน และไขมันสะสมได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นคุณควรระวัง 

ความจริงสำหรับการดูหนังซีรีส์ในปัจจุบัน ถ้าคุณดูอย่างถูกต้อง และไม่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของคุณนั้นไปกับหนังเหล่านั้น จะสามารถช่วยให้คุณสุขภาพดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หวังว่าทุกคนนั้นคงจะเข้าใจ และคำนึงถึงสุขภาพของตัวเอง 

ขอขอบคุณภาพจาก https://pixabay.com/

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com