
1.ไม่ควรนั่งอยู่ในท่าเดิมไม่ลุกออกไปไหนเลย
เมือมีอาการ ควรพักการทำงานเพื่อผ่อนคลายร่างกายและสมอง วิธีแก้ง่ายมากคือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนั่ง ถ้าทำได้พยายามลุกเดินจากที่นั่งทุกๆ1ชั่วโมง จะลดอาการปวดได้แน่นอน การลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายที่จะเป็นการยืดกล้ามเนื้อด้านหน้าสะโพก ที่เรียกว่า hip flexor เดินไปสูดอากาศด้านนอก ไม่ควรนั่งทำงานติดกันนานเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อ กลุ่มที่ทำอาชีพ พนักงาน หริอสายผลิตสายวาดสายเขียนดูแลสุขภาพกัน เพราะถ้ามันเรื่อรังแล้วจะบำบัดต้องใช้เวลานาน

Cr.pic: https://www.pueasukkapab.com/
2. นั่งทำงานในท่าที่ถูกต้อง
การนั่งทำงาน ไม่ควรนั่งหลังค่อมหรือนั่งเอนหลัง เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการล้าและเสียบุคลิก ควรจะนั่งหลังตรง ซึ่งไม่เพียงช่วยลดอาการปวดหลัง แต่ยังทำให้สุขภาพหมอนรองกระดูกดีขึ้น ป้องกันโรคข้อ บรรเทาอาการปวดศีรษะ ทำให้การไหลเวียนของออกซิเจนดี และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยอาหารได้อีกด้วย

Cr.pic: https://xn--12cas3c2av3m3a0g7c.com/
3. ไม่ควรเพ่งหน้าจอคอมนานๆ
ควรปรับจอคอมให้ตรงกับระดับสายตา กล้ามเนื้อร่างกายยังต้องการพักผ่อน สายตาเองก็เช่นกัน จึงไม่ควรเพ่งจอคอมนานหรือใกล้จนเกินไป ควรพักสายตาทุกๆ 1 ชั่วโมง เพราะหากเราเพ่งสายตากับจอคอมนานเกินไป อาจส่งผลทำให้ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อตาและปวดศีรษะได้

Cr.pic: https://cwtower.com/th/
4. ปรับสภาพแวดล้อมที่ทำงานให้น่าอยู่
มีอากาศถ่ายเทที่ดี โต๊ะทำงานต้องเป็นแบบปรับระดับได้ ถ้าพอมีกำลังทรัพย์ ลองเอาเบาะรองนั่งมาใช้แบรนด์ของ bewell ที่ทั้งมันหนาและนุ่ม แสงไฟในห้องควรจะมีความเหมาะสม ไม่จ้าหรือสลัวเกินไป จะช่วยถนอมสายตาได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญในห้องทำงานควรหลีกเลี่ยงไม่ให้มีแสงแดดหรือแสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามาในห้องโดยตรง เพราะแสงที่สว่างเกินไปจะก่อให้เกิดแสงสะท้อนที่จอได้ง่าย ทำให้รู้สึก ไม่สบายตาได้
ปวดข้อมือ เนื่องจากการใช้เมาส์ อาจจะรู้สึกปวดข้อนิ้วหรือข้อมือได้ แนะนำหาที่วางเมาส์และข้อมือเสริมด้วยจะดีกว่า

Cr.pic: www.pobpad.com/
5. การออกกำลังกาย
ออกกำลังกายอันนี้คือดีที่สุดจะ Cardio โยคะ อะไรก็ได้ มันได้เปลี่ยนอาริยาบทการนั่ง เป็นการช่วยฟื้นฟูร่างกายของผู้มีอาการออฟฟิศซินโดรมได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อแล้ว ยังป้องกันเอ็นและข้อยึด ช่วยผ่อนคลายความเครียด และสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้อีกด้วย
ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com