คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรทานอาหารเสริมไหม

คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรทานอาหารเสริมไหม

คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรทานอาหารเสริมไหม

   คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนคงอยากให้ลูกน้อยในครรภ์ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน รวมถึงวิตามินและเกลือแร่ที่ทารกในครรภ์ควรได้รับอย่างเพียงพอ วันนี้เราจะมาแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารชิดไหนที่จะทำให้เราได้รับวิตามินได้เพียงพอ เพื่อให้ลูกน้อยลืมตาดูโลกได้อย่างมีสุขภาพแข็งแรง

  วิตามิน เป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกาย ไม่แพ้กัน เริ่มจากวิตามินเอ ช่วยให้เกิดการติดเชื้อได้ยาก ช่วยสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อให้กับลูกน้อยในครรภ์ โดยเฉพาะเหงือกและฟัน ไม่ควรรับประทานอาหารเสริมที่มีวิตามินเอสูงเกิน 10,000 ยูต่อวัน อาจทำให้ทารกเกิดความพิการแต่กำเนิดและแท้งได้เลยหล่ะ วิตามินดี มีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้มากขึ้น ปกติแล้วเราจะได้รับวิตามินดีจากแสงแดด  วิตามินดีพบมากใน ปลา ตับ ไข่ นม อย่างน้อยควรได้รับวิตามินดี 400 มิลลิกรัมต่อวัน แล้วควรได้รับวิตามินซีเพิ่มเป็น 60 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะทำให้ช่วยทารกเจริญเติบโตได้มากขึ้น

มีกระดูกที่แข็งแรง ช่วยเสริสร้างภูมิคุ้มกัน สามารถรับวิตามินซีได้จากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ผักใบเขียว เช่น มะขามป้อม มะนาว มะขาม ส้ม มะเขือเทศ  ผักคะน้า ตำลึง วิตามินบี มีส่วนช่วยบรรเทาอาการหน็บชา วิตามินบี1ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารของคุณแม่ต้งครรภ์ดีขึ้น ช่วยในการเผาผลาญ พบมากในธัญพืช ข้าวซ้อมมือ เนื้อหมูที่ไม่มีมัน ตับ นม  วิตามินบี2 ช่วยในการดูดซึมกรดอะมิโน ช่วยให้ทารกได้รับกรดอะมิโนที่เพียงพอต่อร่างกาย พบมากใน นม เนื้อสัตว์  อย่างน้อยวันละ 1.5-2 มิลลิกรัมต่อวันในครรภ์ โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์วัยรุ่น คุณแม่ที่อายุมาก มีครรภ์แฝด วิตามินบี12 เพราะช่วยสร้างกรดนิวคลิอิค สร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้ป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง  ควรได้รับเพิ่มขึ้นวันละ 1 มิลลิกรัม พบในเนื้อสัตว์

Cr.pic; www.huggies.co.th

           ต่อมาเป็นเกลือแร่ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับพวกแคลเชียมและฟอสฟอรัสเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ 3 เดือนก่อนคลอด ควรดื่มนมสดให้ได้ 3 แก้วต่อวัน ควรรับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็ก เพื่อการสร้างเม็ดเลือดและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ ไข่แดง ผักใบเขียว เช่น ผักขม ผักตำลึง และอาหารประเภทเนื้อสัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ที่มีสีแดง สตรีตังครรภ์ควรได้รับธาตุเหล็กเสริมวันละ 30 มิลลิกรัม หากมีคนในครอบครัวเป็นภาวะโลหิตจาง

ก็ควรได้รับยาเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 60-120 มิลลิกรัม ควรทานยาเสริมธาตุเหล็กช่วงท้องว่าง ทำให้ดูดซึมได้ดี  กรดโฟลิค ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของระบบประสาท คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับเพิ่มขึ้น 3-5 เท่าเพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของทารก และช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก ช่วยลดการเกิดโลหิตจาง และภาวะพิการในเด็กแรกเกิด พบในผักใบเขียว  เครื่องในสัตว์ นอกจากการให้กรด และควรได้รับไอโอดีน  แมกนีเชีย โปตัสเซียม

   นอกจากเราควรจะเลือกทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้แล้ว เราควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วย เพื่อสุขภาพที่ดี และควรเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่น่าเชื่อถือ และได้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนซื้อมารับประทานทุกครั้ง

ติดตามบทความ good health ในทุกสัปดาห์ได้ที่ howto-healthy.com